แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

หลักธรรมคาทอลิก : การดำเนินชีวิตแบบคริสตชน
glowingcross1ความเชื่อสำคัญของคริสตชนคาทอลิกเรามีศูนย์รวมอยู่ที่การเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ แต่ศาสนาคริสต์เป็นมากกว่าชุดความเชื่อ นั่นคือเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต  ความเชื่อแบบคริสตชนต้องส่งผลเป็นการใช้ชีวิตรักและรับใช้ผู้อื่น มิฉะนั้นมันจะเป็นความเชื่อที่ไม่จริงใจและเปล่าประโยชน์ หลักธรรมของคริสตชนช่วยให้เราค้นพบว่าควรดำเนินชีวิตอย่างไรให้เป็นไปตามพระวจนะของพระเจ้า ดังที่พระเยซูเจ้าและพระศาสนจักรเปิดเผยแก่เรา
หลักธรรมของคริสตชนคืออะไร? CCC 1731-1738

    หลักธรรมของคริสตชนถูกสรุปได้ด้วยคำๆ หนึ่งคือคำว่า“ความรับผิดชอบ” ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “responsibility”มาจากการผสมของคำในภาษาอังกฤษ 2 คำ คือ response =การตอบสนอง และ ability = ความสามารถหรือเสรีภาพในการเลือกกระทำหรือไม่กระทำ   แล้วเราต้องตอบสนองต่ออะไร  ชีวิตคริสตชนต้องเป็นการตอบสนองต่อความรักที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้เราอย่างไม่มีเงื่อนไขและต่อการช่วยให้รอดพ้น ซึ่งเป็นของขวัญที่ทรงมอบให้เราโดยทางพระเยซูคริสต์ “การติดตามพระเยซูเจ้าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และเป็นพื้นฐานของหลักธรรมสำหรับคริสตชนตั้งแต่ยุคแรก”(พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2, The Splendor of Truth, 19)หลักธรรมของคริสตชนต้องมาเป็นลำดับแรกเมื่อผู้คนตอบรับพระเป็นเจ้า เมื่อพวกเขาตอบสนองความรักของพระองค์อย่างเสรี สาระสำคัญของหลักธรรมสำหรับคริสตชนก็คือ “ความรัก” นั่นเอง
     “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน  นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”  (มธ. 22:37-39)
    แง่คิดที่สองในหลักธรรมของคริสตชน ก็คือการมีเสรีภาพที่จะตอบรับพระเป็นเจ้า ซึ่งหมายถึงเสรีภาพที่จะรักและรับใช้พระเจ้า   และนี่ยังเป็นของขวัญอีกประการหนึ่งที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้เรา เพราะมันเป็นส่วนของสิ่งที่มีความสำคัญต่อการเป็นมนุษย์ มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีพื้นฐานซึ่งเกิดจากการที่เขาถูกสร้างขึ้นมาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า (ด้วยวิญญาณหนึ่ง)นั่นหมายความว่าเราสามารถคิดและรัก พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างในสังคม  มโนธรรมของเราช่วยเหลือเราในการดำรงชีวิตเพื่อพระเป็นเจ้าและบุคคลอื่น
พันธสัญญาคืออะไร?  (CCC 54-67)
    เมื่อเราไตร่ตรองดูชีวิตคริสตชนว่าเป็นดั่งการตอบรับคำเชื้อเชิญของพระเป็นเจ้าให้มามีชีวิตชีวาและรักผู้อื่น นั่นคือเรากำลังให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ตามพระสัญญาระหว่างพระเป็นเจ้ากับลูกๆของพระองค์
    พันธสัญญาเป็นคำมั่นสัญญาที่หนักแน่นที่สุดที่สามารถเป็นไปได้ระหว่างบุคคลสองฝ่ายที่มีชนชั้นต่างกัน ซึ่งมีข้อผูกมัดต่อกันอยู่บ้าง  หนังสือพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเปิดเผยให้รู้ว่าพระยาเวห์ผู้ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำพันธสัญญามากมายกับมนุษย์โดยทั่วไป  และเป็นพิเศษกับประชาชนชาวยิว ในพันธสัญญาเหล่านั้น พระยาเวห์ทรงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญาที่ทรงให้ไว้เสมอ ในทางกลับกันพระองค์ก็มีพระประสงค์ให้ประชากรของพระองค์ซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญานั้นด้วย   สำหรับชาวยิว การซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาหมายถึงการนำเอาหนังสือโตราห์(Torah)หรือธรรมบัญญัติ(law) มาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตซึ่งถือเป็นการตอบรับพระเจ้า  ธรรมบัญญัติซึ่งถูกสรุปไว้ในบทบัญญัติ 10 ประการที่พระเป็นเจ้าทรงแสดงแก่โมเสสไม่ใช่ข้อผูกมัดอันเป็นภาระที่ชาวยิวเลือกเอามาปฏิบัติได้ตามใจ  แต่เป็นแนวทางการใช้ชีวิตที่เป็นลักษณะเฉพาะอย่างยิ่งซึ่งพระเป็นเจ้าทรงมอบให้ประชาชนชาวยิว
พันธสัญญาในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่คืออะไร? (CCC 1718-1724)
    พันธสัญญาที่สำคัญที่สุดในบรรดาพันธสัญญาทั้งหมดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำต่อมนุษย์ ก็คือ พันธสัญญาด้วยความรักที่พระเจ้าทรงกระทำผ่านทางพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระองค์  พันธสัญญาในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่คือ หลักประกันที่เกิดขึ้นด้วยพระโลหิตของพระคริสต์เอง   ความตายและการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าเป็นสิ่งที่รับรองความสัมพันธ์ของเรากับพระบิดา  คริสตชนทั่วไปดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาโดยการยอมรับความรักของพระเจ้าในองค์พระเยซูคริสต์  และตอบรับพระองค์ได้โดยการปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนาคริสต์ ซึ่งหมายถึง บทบัญญัติ 10 ประการ(The Ten Commandments) และบทเทศน์บนภูเขา(The Sermon on the Mount) ที่พระเยซูเจ้าทรงเทศน์สอนโดยถูกบรรยายไว้อย่างรวบรัดในเรื่องความสุขแท้ 8 ประการ (Beatitudes)
    หลักธรรมของศาสนาคริสต์ ประกอบด้วยการดำเนินชีวิตติดตามพระเยซูเจ้า การละทิ้งตนเองเพื่อพระองค์ การน้อมรับพระสิริมงคลขององค์พระผู้เป็นเจ้าเข้ามาเปลี่ยนแปลงตัวเองและการฟื้นฟูชีวิตโดยอาศัยพระพรนานาประการจากพระเมตตาของพระองค์ที่ประทานแก่เราผ่านการใช้ชีวิตร่วมกันในพระศาสนจักรของพระองค์.....บุคคลที่รักองค์พระคริสตเจ้า ก็จะปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์(อ้างอิง ยน. 14:15)
                                            The Splendor of Truth, ข้อ119
บทบัญญัติ 10 ประการ  (The Ten Commandments) คืออะไร? (CCC 2052-2082)
    บทบัญญัติ 10 ประการ ถูกค้นพบในหนังสืออพยพ บทที่ 20 ข้อ 2-17 และหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 5 ข้อ 6-21
1.    เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน  ท่านต้องไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากเรา
2.    อย่าออกพระนามพระเจ้าของท่านอย่างไม่สมควร
3.    อย่าลืมฉลองวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
4.    จงนับถือบิดามารดา
5.    อย่าฆ่าคน
6.    อย่าผิดประเวณี
7.    อย่าลักขโมย
8.    อย่าพูดเท็จใส่ร้ายผู้อื่น
9.    อย่าปลงใจผิดประเวณี
10.    อย่ามักได้ทรัพย์สินของผู้อื่น

    “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ท่านต้องไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากเรา”   บทบัญญัติประการที่ 1จัดว่ามีความสำคัญเป็นอันดับแรกสำหรับชีวิตคริสตชน  การปฏิบัติและแสดงความรู้สึกต่อพระเจ้าแบบตรงไปตรงมาซึ่งนำไปสู่การเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าตลอดนิรันดร ต้องเป็นหัวใจและเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิต   การประจญล่อลวงมักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอในรูปของสิ่งต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของเรา   เงินทอง, อำนาจ, การได้ครอบครองเป็นเจ้าของ และความสุขสบาย ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อเราได้มันมาหรือประสบผลสำเร็จตามที่ได้ตั้งใจไว้ เราก็มักจะหลงลืมผู้ที่สร้างมันมา และนั่นเป็นเหตุให้เรากลายเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า
เราเคารพต่อบทบัญญัติประการที่ 1 เมื่อเรายอมรับอย่างสำนึกในบุญคุณ, นมัสการ และขอบคุณผู้เป็นแหล่งกำเนิดของชีวิต นั่นคือพระเจ้าผู้ทรงสร้างเราด้วยความรัก  บทบัญญัติประการนี้เรียกร้องให้เราเชื่อและหวังในพระเจ้า และรักพระองค์เหนือทุกสิ่ง
บทบัญญัติประการที่ 1 นี้ห้ามการเคารพรูปบูชาในทุกรูปแบบ, การเชื่อไสยศาสตร์. โหราศาสตร์, การทำนายโชคชะตาหรือ การนับถือลัทธิเชื่อผี
    “อย่าออกพระนามพระเจ้าของท่านอย่างไม่สมควร”   บทบัญญัติประการที่ 2  เน้นความจำเป็นที่เราต้องเคารพพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า และปฏิบัติกิจทางศาสนาของเราอย่างสุภาพ คริสตชนต้องระลึกเสมอว่าสิ่งที่เราเอ่ยออกไป จะสะท้อนว่าเราเป็นใคร บางสิ่งบางอย่างมีความศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงพระนามของพระเจ้า ดังนั้นการใช้ภาษาและทัศนคติของเราที่มีต่อศาสนาจึงควรเป็นไปด้วยความเคารพ   การแช่งด่า การวอนขอให้พระเป็นเจ้าลงโทษหรือทำร้ายผู้อื่นจึงเป็นสิ่งที่ผิด การสบประมาทอันหมายถึงการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงดูถูกหรือขาดความเคารพต่อพระเจ้า และการกล่าวสาบานเท็จโดยอ้างพระนามของพระเจ้า ล้วนแล้วแต่เป็นการผิดต่อบทบัญญัติประการที่สอง
    “อย่าลืมฉลองวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์”   ความจงรักภักดีต่อพระเจ้า เรียกร้องให้เราสักการะและเคารพบูชาพระเจ้าในชุมชนร่วมกับผู้อื่น  ความรอดพ้นจากบาปของเราไม่ใช่สิ่งที่เราได้มาด้วยความพยายามตามลำพัง  คาทอลิกได้รับคำสั่งของพระเยซูเจ้าให้ประกอบพิธีหักปัง(มิสซา) ในพระนามของพระองค์  เรารวมกลุ่มกันอาทิตย์ละครั้งเพื่อร่วมกันนมัสการพระเจ้า  และในวันนั้นเราจะหยุดภาระหน้าที่อื่นๆของเราเพื่อพักผ่อน สวดภาวนาและรำพึงไตร่ตรอง  คริสตชนคาทอลิกนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ เพื่อระลึกถึงการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า  หลายคนจัดพิธีของวันอาทิตย์ตั้งแต่เย็นวันเสาร์  เนื่องจากเวลาทางพิธีกรรมเริ่มต้นและสิ้นสุดด้วยเวลาพระอาทิตย์ตก  คริสตชนคาทอลิกถูกกระตุ้นเตือนให้เคารพวันพระเจ้าโดยละเว้นการทำงานที่ไม่จำเป็นในวันนั้น ใช้เวลากับคนที่รัก และมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์อื่นๆ
    “จงนับถือบิดามารดา”   พันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับคริสตชนถูกสะท้อนให้เห็นโดยครอบครัว  พระเจ้าทรงรักลูกๆ ของพระองค์อย่างไร บิดามารดาที่เป็นมนุษย์ควรรักและดูแลลูกของตนอย่างนั้น  ส่วนผู้ที่เป็นบุตรก็ควรเคารพ เชื่อฟัง มีความสุภาพและความกตัญญูต่อบิดามารดา  นอกจากนั้น ผู้เป็นพี่น้องกันทั้งชายและหญิงก็ต้องมีความอดทน ปรองดอง และให้ความเคารพกัน  เพื่อให้ครอบครัวสามารถเป็นชุมชนหนึ่งที่มีความรักเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน   บทบัญญัติประการนี้ยังมีความหมายโดยนัยถึงถึงสังคมที่กว้างออกไปด้วย นั่นคืออำนาจใดๆที่มีอยู่อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งที่เราต้องเชื่อฟังและให้ความเคารพ เนื่องจากอำนาจทั้งมวลล้วนมาจากพระเจ้า  บรรดาผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าผู้อื่นจึงมีหน้าที่ใช้อำนาจของตนด้วยความเมตตาและความอ่อนน้อมถ่อมตน
    “อย่าฆ่าคน”   ชีวิตเป็นของขวัญที่พระเป็นเจ้าประทานให้กับเรา และบทบัญญัติประการที่ห้านี้เน้นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต โดยกล่าวโทษทุกสิ่งที่ทำลายชีวิต (ตัวอย่างเช่น การฆาตกรรม, การฆ่าตัวตาย หรือการค้ายา)  ความสำคัญของบทบัญญัติประการที่ห้ารวมเอาเรื่องการดูแลตัวเองไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย จิตใจและวิญญาณ   คริสตชนยังต้องสนใจเกี่ยวกับการปกป้องดูแลชีวิตของผู้อื่นด้วยเช่นกัน  พระเยซูเจ้าได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความรักของพระเป็นเจ้าที่แผ่ไปถึงผู้อ่อนแอและช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ดังนั้น คริสตชนจึงควรทำแต่สิ่งที่มุ่งหวังความสงบสุข, ความยุติธรรม และชีวิต  โดยการต่อต้านสงคราม, ความยากจน, ความลำเอียง, การทำแท้ง, การทำการุณยฆาต และความอยุติธรรมอื่นๆ ในสังคม
    “อย่าผิดประเวณี”   การแต่งงานของคริสตชนเป็นเครื่องหมายที่ทรงพลังของความรักที่มีสัญญาต่อกัน  ความไม่ซื่อสัตย์ส่งผลร้ายต่อความรักนั้นและคุกคามเพื่อจะทำลายสัญญา  บทบัญญัติประการที่หกเรียกร้องเราให้คำนึงถึงพลังการให้กำเนิดด้วยสิ่งที่พระเป็นเจ้าได้ทรงอวยพรเราไว้  ความรักระหว่างชายหญิงเป็นส่วนหนึ่งในลักษณะนิสัยชอบสร้างสรรค์ของพระเจ้าเอง  พฤติกรรมที่เอาเปรียบผู้อื่นหรือหมกมุ่นอยู่กับความต้องการอย่างเห็นแก่ตัว บิดเบือนเจตนาของพระเจ้าในการสร้างมนุษย์ (ดูข้อมูลเพิ่มเรื่อง วิธีการเข้าถึงจุดหมายกิจกรรมทางเพศของคริสตชน ในบทที่ 16)
     “อย่าลักขโมย”   การขโมยในทุกรูปแบบทำลายความเชื่อใจ  การขโมยเป็นการทำลายข้อผูกมัดของมนุษย์ที่จำเป็นต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและสามัคคีกัน  บทบัญญัติประการที่เจ็ดยังห้ามการโกงและการใช้สิ่งแวดล้อมในทางที่ผิด บทบัญญัติเตือนเราให้แบ่งปันสิ่งที่เรามีมากเกินความจำเป็นให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน  การไม่แบ่งปันสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้กับผู้ที่ขาดแคลนถือเป็นความผิดต่อความรักอย่างร้ายแรง
    “อย่าพูดเท็จใส่ร้ายผู้อื่น”   การเป็นคนซื่อสัตย์คือ การเป็นพยานให้กับความจริง   การพูดโกหก, การพูดเพื่อแก้แค้น, การนินทา, การทำเรื่องอื้อฉาว, การพูดให้เสื่อมเสีย (การนำความผิดของผู้อื่นมาเปิดเผยโดยไม่จำเป็น) และการเป็นพยานเท็จ ล้วนทำลายความรักที่เป็นตัวเชื่อมสังคมมนุษย์ และเป็นการละเมิดบทบัญญัติประการนี้
    “อย่าปลงใจผิดประเวณี”   “อย่ามักได้ทรัพย์สินของผู้อื่น”   บ่อยครั้งที่ความอยากได้เป็นผลมาจากตัณหา, การทำตามใจตนเอง, ความอิจฉา, หรือความโลภ การไม่ควบคุมความต้องการในเรื่องเพศหรือเรื่องการครอบครองวัตถุสิ่งของมักก่อให้เกิดความเกลียดชัง, ความหึงหวง และการชิงดีชิงเด่น  บทบัญญัติทั้งสองประการนี้เน้นความสำคัญของเจตนาที่บริสุทธิ์และแรงจูงใจที่เหมาะสมเมื่อต้องเกี่ยวข้องกับผู้อื่น การกระทำทั้งหลายที่ทำลายความรัก มักจะเกิดจากความต้องการที่ไม่ได้มุ่งให้เกิดปฏิสัมพันธ์อันมีความเคารพศักดิ์ศรีของมนุษย์
ความสุขแท้จริง(The Beatitudes) คืออะไร? (CCC 1716, 1725-1727)
    ความสุขแท้จริงสรุปแนวทางที่ผู้ติดตามพระคริสต์พึงพากเพียรในการดำเนินชีวิต และแสดงถึงสาระสำคัญของหลักธรรมตามแนวพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ที่ถูกพบในบทเทศน์บนภูเขาซึ่งพระเยซูเจ้าทรงเทศนาสั่งสอน(มัทธิว บทที่ 5-7)  ความสุขแท้จริงเป็นคำพรรณนารูปแบบการเจริญชีวิตแบบพระคริสต์ และเป็นคำเชื้อเชิญให้เข้ามาเป็นศิษย์พระคริสต์ อีกทั้งร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ (พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2, The Splendor of Truth, 16)
    ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
    ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้าย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
    ผู้มีใจอ่อนโยนย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
    ผู้หิวกระหายความชอบธรรมย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
    ผู้มีใจเมตตาย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
    ผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
    ผู้สร้างสันติย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
    ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรมย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
                                        (มธ 5:3-10)
เราจะอธิบายความหมายของความสุขแท้จริงอย่างไร?   (CCC 1716-1717)
    “ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา”   ในประเด็นนี้ พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงยกย่องความยากจนในความหมายตามตัวอักษร แต่พระองค์ทรงกล่าวถึงบุคคลที่ถูกริดรอนทรัพย์สินเงินทอง, อำนาจ, ชื่อเสียง และไม่ใส่ใจในสิ่งต่างๆ ที่สื่อถึงเป็นความสำเร็จฝ่ายโลก  แต่มีความซื่อสัตย์ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า   พวกเขารู้ว่าพวกเขาต้องไว้วางใจพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ในทุกเรื่อง  พระเยซูเจ้าขอให้เรามีความยากจนในจิตใจแบบนั้นเหมือนกัน คือต้องมีความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
    “ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้าย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน”   คำสอนนี้ให้ความหวังแก่เราว่า ท่ามกลางความยากลำบากที่เราได้รับ เราจะได้รับการปลอบโยนในตอนท้าย เราต้องไม่กลายเป็นผู้ที่ขมขื่น
     “ผู้มีใจอ่อนโยนย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก”   ผู้ที่มีใจอ่อนโยนจะเป็นผู้ที่ถ่อมตัว เขาหรือเธอจะไม่แสดงความอิจฉาหรือหาวิธีแก้แค้นเมื่อถูกทำร้ายหรือถูกชิงช้ง
    “ผู้หิวกระหายความชอบธรรมย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม”   การกระหายหาความชอบธรรมหมายถึงการค้นหายุติธรรมอันศักดิ์สิทธิ์  การค้นหายุติธรรมอันศักดิ์สิทธิ์หมายถึงการแสวงหาความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลหนึ่งที่ได้ชื่อว่ามีความชอบธรรม, ยุติธรรม, และถูกต้องอย่างสมบูรณ์ การรับศีลมหาสนิทในทุกวันอาทิตย์เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและฟื้นฟูความสัมพันธ์นี้ ศีลมหาสนิทผลักดันเราให้ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความยุติธรรม, ให้สิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ  และทำให้มั่นใจว่าทุกคนมีทางเข้าถึงสิ่งทั้งหลายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี
    “ผู้มีใจเมตตาย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา”  ในบทข้าแต่พระบิดา เราร้องขอให้พระเจ้ายกโทษให้เราเหมือนที่เรายกโทษให้ผู้อื่น เมื่อเรายกโทษให้ผู้ที่ทำร้ายเรา, แม้แต่ศัตรูของเรา, นั่นคือเราแสดงให้ทุกคนได้รู้ว่าพระเจ้าทรงมีความรักและความเมตตา  และพระองค์ทรงดูแลเราทุกคน
    “ผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า”   ผู้มีใจบริสุทธิ์เป็นผู้ที่มีหัวใจพร้อมมอบให้กับพระเจ้าเพียงผู้เดียว ไม่ควรมีสิ่งใดมาหันเหความสนใจของเราไปจากพระเจ้าได้  เงินทอง, หน้าที่การงาน, ครอบครัว, เพื่อน, ชื่อเสียง ล้วนเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งเหล่านี้ควรมีบทบาทเป็นอันดับสองในชีวิตของเรา
    “ผู้สร้างสันติย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า”   การมีชีวิตอยู่ในความรักและสันติสุขเป็นคุณลักษณะของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้า คริสตชนมีหน้าที่สร้างความสามัคคีขึ้นในหมู่ผู้ที่มีความขัดแย้ง, การแตกแยก และความเป็นศัตรูกัน โดยช่วยพวกเขาให้ตระหนักถึงความเป็นพี่น้องชายหญิงของเรากับพระเยซูคริสต์
    “ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรมย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา”   ไม่มีสัญลักษณ์ของการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอันไหนที่จะสำคัญมากไปกว่าการเต็มใจทนทุกข์เพื่อพระองค์  คำสอนและการกระทำของพระเยซูเจ้าทำให้พระองค์ถูกเข้าใจผิดและถูกสบประมาท  การเป็นคริสตชนหมายถึงการเป็นคนมีความตั้งใจที่จะลุกขึ้นยืนยันถึงความเชื่อมั่นของเรา  แม้ว่าการทำเช่นนี้จะนำไปสู่การถูกปฏิเสธ, การถูกข่มเหง หรือการเป็นมรณสักขี

รำพึงพระวาจาประจำวัน

วันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก (มก 6:7-13) เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปทรงสั่งสอนตามหมู่บ้านต่างๆ ในบริเวณนั้น ทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพบ และทรงเริ่มส่งเขาเป็นคู่ๆ ประทานอำนาจเหนือปีศาจ ทรงกำชับเขามิให้นำสิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้าเท่านั้น ไม่ให้มีอาหาร ไม่ให้มีย่าม ไม่ให้มีเศษเงินใส่ไถ้ ให้สวมรองเท้าได้...
วันพุธ สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก (มก 6:1-6) เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นกลับไปยังถิ่นกำเนิดของพระองค์ บรรดาศิษย์ติดตามไปด้วย ครั้นถึงวันสับบาโตพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในศาลาธรรม ผู้ฟังมากมายต่างประหลาดใจ และพูดว่า “เขาเอาเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน ปรีชาญาณที่เขาได้รับมานี้คืออะไร อะไรคืออัศจรรย์ที่สำเร็จด้วยมือของเขา คนนี้เป็นช่างไม้ ลูกนางมารีย์ เป็นพี่น้องของยากอบ...
วันอังคาร สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก (มก 5:21-43) เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฟากอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนชุมนุมกันเนืองแน่นรอบพระองค์ขณะที่ยังทรงอยู่ริมทะเลสาบ หัวหน้าศาลาธรรมคนหนึ่งชื่อไยรัส เดินมา เมื่อเห็นพระองค์ เขากราบลงที่พระบาท พร่ำวิงวอนว่า “บุตรหญิงเล็กๆ ของข้าพเจ้าจวนจะสิ้นใจอยู่แล้ว เชิญพระองค์เสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขาจะได้หายจากโรค...

สื่อการสอน เกมคำสอน เกมพระคัมภีร์ ออนไลน์

สื่อคำสอน เรื่องปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025
สื่อคำสอน เรื่องปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025
ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงออกประกาศสมณโองการกําหนดให้ปี ค.ศ. 2025 เป็นปีศักดิ์สิทธิ์ (Jubilee Year) “ความหวังนี้ไม่ทําให้เราผิดหวัง” (รม. 5:5) โดยให้ “ความหวัง” เป็นหัวใจสําคัญของการเฉลิมฉลองปีศักดิ์สิทธิ์ 2025 (24 ธันวาคม 2024...
สื่อคำสอน สักการสถาน บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง
สื่อคำสอน สักการสถาน บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง
แผนภูมิความรู้ สักการสถาน บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง ประกอบด้วย 1. สักการสถาน บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง 2. วีดิทัศน์ประวัติ บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง 3. นานาสาระ "บุญราศีนิโคลาสบุญเกิดกฤษบำรุง" 4....
สื่อคำสอน เรื่องบทภาวนาของคริสตชน
สื่อคำสอน เรื่องบทภาวนาของคริสตชน
สื่อการเรียนการสอน เรื่อง บทภาวนาของคริสตชนกิจกรรมที่ 1 ใบความรู้ บทภาวนาของคริสตชนกิจกรรมที่ 2 กิจกรรม คำที่ขาดหายไป
สื่อการเรียนการสอน เรื่อง อุปมาของพระเยซูเจ้า
สื่อการเรียนการสอน เรื่อง อุปมาของพระเยซูเจ้า
อุปมาเป็นเรื่องราวสั้นๆ ชวนคิด ที่พระเยซูเจ้าทรงเล่าให้ประชาชนฟัง เพื่อสอนพวกเขาเกี่ยวกับพระเจ้าและหนทางไปสวรรค์

ประมวลภาพกิจกรรม

วันเปิดบ้านวิชาการ 2567 (ฺBP Open House) เรียนดี มีความสุข
วันเปิดบ้านวิชาการ 2567 (ฺBP Open House) เรียนดี  มีความสุข
🎉 เปิดบ้านวิชาการ 2567 🎉 วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2025 ทีมคำสอนสัญจร แผนกคริสตศาสนธรรมอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้มีโอกาสไปจัดบูธกิจกรรม และจำหน่ายศาสนภัณฑ์ ให้กับนักเรียนโรงเรียนบอสโกพิทักษ์ เนื่องในวันเปิดบ้านวิชาการ 2567 (ฺBP Open House) เรียนดี มีความสุข...
วันพระคัมภีร์ โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ 2025
วันพระคัมภีร์ โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ 2025
วันพระคัมภีร์ โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ 🎉 วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม 2025 ทีมคำสอนสัญจร แผนกคริสตศาสนธรรมอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้จัดกิจกรรมวันพระคัมภีร์ ให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ ชั้น ป.5, ม.1 - ม.5 จำนวน 918 คน ในหัวข้อ...

คำสอนสำหรับเยาวชน YOUCAT

291. บุคคลหนึ่งสามารถบอกได้อย่างไรว่าการกระทำของเขานั้นดีหรือไม่ดี บุคคลหนึ่งมีความสามารถในการแยกแยะการกระทำที่ดีออกจากสิ่งไม่ดีได้ เพราะเขามีเหตุผลและมโนธรรม ซึ่งทำให้เขาทำการตัดสินใจได้อย่างชัดเจน (1749-1754, 1757-1758)...
290. พระเจ้าทรงช่วยเราให้เป็นมนุษย์ที่มีอิสระอย่างไร พระคริสตเจ้าทรงปรารถนาให้เราได้รับ “การปลดปล่อยให้เป็นอิสระ” (กท 5:1) และจะกลายเป็นความสามารถของความรักพี่น้อง...
289. เราต้องยอมให้บุคคลหนึ่งใช้น้ำใจอิสระของเขา แม้เมื่อเขาตัดสินใจเข้าข้างความชั่วหรือ บุคคลหนึ่งสามารถใช้เสรีภาพของเขาอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ขึ้นอยู่กับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขา เสรีภาพของแต่ละบุคคลสามารถถูกตัดทอนลงเฉพาะถ้าการใช้เสรีภาพของเขานั้นเป็นอันตรายต่อเสรีภาพของผู้อื่น (1738,1740) เสรีภาพจะไม่เป็นเสรีภาพอีกต่อไปถ้าใช้เสรีภาพนั้นเลือกในสิ่งผิด...

กิจกรรมพระคัมภีร์

สวดสายประคำ

สายประคำทำให้ความเชื่อเข้มแข็งขึ้น
สายประคำทำให้ความเชื่อเข้มแข็งขึ้น ตลอดประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรคาทอลิก พระสันตะปาปาและนักบุญจํานวนมากสนับสนุนให้สวดสายประคํา เมื่อเราเริ่มเข้าใจและซาบซึ้งในสายประคําและสวดบ่อยขึ้น เราจะเห็นความหมายที่แท้จริงของการรําพึงภาวนา เราเริ่มเห็นคุณค่าว่าคําภาวนานั้นไม่เพียงแต่ถึงพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังภาวนาถึงพระคริสต์ด้วย โดยทางพระนางมารีย์ เราก้าวเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้ามากขึ้น...
การสวดสายประคำเป็นการภาวนาพระคัมภีร์

บทภาวนา (กิจกรรม)

ประมวลคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก

11. ความสุขและความท้าทาย
11. ความสุขและความท้าทาย การสอนคําสอนต้องชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความยินดีและสิ่งที่ทางเดินของพระคริสตเจ้าเรียกร้อง (CCC 1697; เทียบ CT 29) เหตุการณ์การแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้า อัครสาวก...
12. แง่มุมต่างๆ ของการสอนคำสอน
12. แง่มุมต่างๆ ของการสอนคำสอน การสอนคำสอนเรื่อง “การดำเนินชีวิตใหม่” ในพระองค์จะต้องเป็นดังนี้ คำสอนเรื่องพระจิตเจ้า คำสอนเรื่องพระหรรษทาน คำสอนเรื่องความสุขแท้จริง คำสอนเรื่องบาปและการให้อภัย...

คำถามที่เด็กๆ อยากรู้เกี่ยวกับพระเจ้า

ธรรมล้ำลึกการเนรมิตสร้าง พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างด้วยพระปรีชาและความรัก
CCC for Kids (คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิกสำหรับเด็ก) # วันที่ 38 # ธรรมล้ำลึกการเนรมิตสร้าง พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างด้วยพระปรีชาและความรัก (295-301) พระเจ้าเป็นผู้เนรมิตสร้างทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ขึ้นมาด้วยความรักและปัญญาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์ไม่ได้สร้างโลกขึ้นมาเพราะความจำเป็น ความบังเอิญหรือโชคชะตา แต่เพราะพระองค์ต้องการให้ทุกสิ่งที่พระองค์สร้างได้มีส่วนร่วมในความดีและความเป็นอยู่ของพระองค์...
โลกถูกสร้างขึ้นเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
CCC for Kids (คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิกสำหรับเด็ก) # วันที่ 37 # “โลกถูกสร้างขึ้นเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า” (293-294) ความเชื่อทางศาสนาคริสต์บอกว่า พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างโลกและทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาด้วยความรักและความดีของพระองค์ คล้ายกับที่คุณพ่อคุณแม่สร้างบ้านให้เราอยู่ด้วยความรักนั่นเองครับ พระเจ้าไม่ได้สร้างโลกเพื่อเสริมเติมอะไรให้กับพระองค์เอง แต่สร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความดีงามของพระองค์...

ประวัตินักบุญ

6 กุมภาพันธ์ ระลึกถึง นักบุญเปาโล มีกิ พระสงฆ์ และเพื่อนมรณสักขี
6 กุมภาพันธ์ ระลึกถึง นักบุญเปาโล มีกิ พระสงฆ์ และเพื่อนมรณสักขี (SS Paul Miki and Companions, Martyrs, memorial) วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พระศาสนจักรคาทอลิกเทิดเกียรติมรณสักขีแห่งเมืองนางาซากิจำนวน 26 ท่าน ซึ่งประกอบไปด้วยพวกคาทอลิกที่เป็นคนพื้นเมืองชาวญี่ปุ่น และพวกมิชชันนารีชาวต่างประเทศที่ถูกฆ่าตายเพื่อยืนยันความเชื่อในปี...
5 กุมภาพันธ์ ระลึกถึงนักบุญอากาทา พรหมจารีและมรณสักขี
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ระลึกถึงนักบุญอากาทา พรหมจารีและมรณสักขี (St. Agatha, Virgin & Martyr, memorial) นักบุญอากาทามาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงของเมืองคาตาเนีย (อิตาลี) เธอได้มอบถวายตนแด่พระเจ้าตั้งแต่ในช่วงวัยต้นของชีวิตเธอ ควินเตน (Quintain)ซึ่งเป็นกงสุล แต่เป็นคนที่มีจุดประสงค์ร้าย ได้หลงรักเธอและปรารถนาจะแต่งงานกับเธอ เมื่อเธอตอบปฏิเสธ ควินเตนได้สั่งให้คนไปพาเธอมาต่อหน้าเขาโดยอ้างคำสั่งของจักรพรรดิที่ต่อต้านผู้ที่เป็นคริสตชน เขาได้สั่งให้นำตัวเธอไปที่ซ่องโสเภณี ซึ่งทำให้เธอต้องทนทุกข์ต่อการถูกว่าร้าย...

E-Book แผนกคริสตศาสนธรรม อัคสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

Don't be afraid

Facebook CCBKK

CCBKK Channel

youtube1

Kamson TikTok

tiktok

พระคัมภีร์คาทอลิก

WOPTMR80W7YC0H90QTK7LZC1E1L2WM

บทเพลงศักดิ์สิทธิ์

angels-5b

บทอ่านและบทมิสซา

ordomissae

วันละหนึ่งนาทีกับนักบุญโยเซฟ

St.Joseph 2021

คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก

ccc thai web

คู่มือแนะแนวในการสอนคำสอน

ปก คู่มือแนะแนว

คู่มือเตรียมรับศีลมหาสนิท แบบที่ 1-2

ปก แบบที่ 2 01

ครอบครัว บ่อเกิดแห่งความเชื่อ

F cover fmaily

สถิติเยี่ยมชม (22-2-2012)

วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ทั้งหมด
3869
31297
111162
140424
960333
39717783
Your IP: 18.189.185.177
2025-02-06 03:35

สถานะการเยี่ยมชม

มี 529 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์