แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

1. พระวาจาสำหรับเวลาที่เรารู้สึกท้อแท้ – เศร้า
บรรดาผู้ที่รู้จักพระนามของพระองค์ ก็วางใจในพระองค์  ข้าแต่พระเจ้า เพราะว่าพระองค์มิได้ทรงทอดทิ้งบรรดาผู้ที่เสาะแสวงหาพระองค์ (สดุดี 9:10)
ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน (มัทธิว 5:4)
เราจะช่วยเขาให้รอดพ้น เพราะเขาไว้ใจเรา เราจะพิทักษ์รักษาเขา เพราะเขารู้จักนามของเรา เมื่อเขาร้องเรียกหาเรา เราก็จะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามทุกข์ยาก เราจะช่วยเขาให้รอดพ้นและจะให้เกียรติยศแก่เขา (สดุดี 91:14-15)
จงอย่าทิ้งความไว้วางใจซึ่งมีบำเหน็จยิ่งใหญ่  ท่านต้องมีความพากเพียรในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำเหน็จตามพระสัญญา (ฮีบรู 10:35-36)

ข้าพเจ้ามั่นใจว่าพระเจ้าผู้ทรงเริ่มกิจการดีนี้ในท่านแล้ว จะทรงกระทำต่อไปให้สำเร็จบริบูรณ์จนถึงวันของพระคริสตเยซู (ฟิลิปปี 1:6)
อย่าท้อแท้ในการทำความดี เพราะถ้าเราไม่หยุดทำความดี เราก็จะได้เก็บเกี่ยวเมื่อถึงเวลา (กาลาเทีย 6:9)
ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ข้าพเจ้าจะเห็นพระคุณของพระเจ้าที่ในแผ่นดินของคนเป็น  จงรอคอยพระเจ้า  จงเข้มแข็ง และให้จิตใจของท่านกล้าหาญเถิด จงรอคอยพระเจ้า (สดุดี 27:13-14)
ความชื่นบานเป็นนิตย์จะอยู่บนศีรษะของเขา  เขาจะได้รับความชื่นบานและความยินดี  ความโศกเศร้าและการถอนหายใจจะหนีไปเสีย (อิสยาห์ 51:11)
อย่ากระวนกระวายใจถึงสิ่งใดเลย จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบถึงความปรารถนาทุกอย่างของท่านโดยคำอธิษฐาน การวอนขอ พร้อมด้วยการขอบพระคุณ   แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินสติปัญญาจะเข้าใจได้นั้น จะคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่านไว้ในพระคริสตเยซู (ฟิลิปปี 4:6-7)
เราทนทุกข์ทรมานรอบด้าน แต่ไม่อับจน เราจนปัญญา แต่ก็ไม่หมดหวัง  เราถูกเบียดเบียน แต่ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีล้มลง แต่ไม่ถึงตาย (2โครินธ์ 4:8-9)
ใจของท่านทั้งหลายจงอย่าหวั่นไหวเลย จงเชื่อในพระเจ้า และเชื่อในเราด้วย เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเรากับท่าน เราให้สันติสุขกับท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย (ยอห์น 14:1,27)
ท่านทั้งหลายที่มีความหวังในพระยาห์เวห์ จงเข้มแข็งและมั่นคงเถิด (สดุดี 31:24)
บิดาเมตตาสงสารบุตรของตนฉันใด พระยาห์เวห์ก็ทรงเมตตาสงสารผู้ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น เพราะพระองค์ทรงทราบว่าเราถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร ทรงระลึกได้ว่าเราเป็นเพียงฝุ่นดิน (สดุดี 103:13-14)
แม้ข้าพเจ้าจะเดินในความทุกข์ยาก พระองค์ก็ทรงรักษาชีวิตข้าพเจ้าไว้ ทรงยื่นพระหัตถ์ลงโทษความโกรธของศัตรูของข้าพเจ้า พระหัตถ์ขวาของพระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น (สดุดี 138:7)
พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของท่านตลอดมา พระกรนิรันดรของพระองค์รองรับท่านอยู่บนแผ่นดิน พระองค์ทรงขับไล่ศัตรูออกไปต่อหน้าท่าน และทรงบัญชาให้ทำลายเขาเสีย (เฉลยธรรมบัญญัติ 33:27)
พระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งคนดีรอบคอบ หรือค้ำจุนผู้กระทำความชั่วร้าย (โยบ 8:20)
จงรู้เถิดว่าพระยาห์เวห์ทรงกระทำปาฏิหาริย์สำหรับผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ พระยาห์เวห์ทรงฟังเมื่อข้าพเจ้าร้องหาพระองค์ (สดุดี 4:3)
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงอวยพรผู้ชอบธรรม ความโปรดปรานของพระองค์เป็นเสมือนโล่คุ้มครองเขา (สดุดี 5:12)
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี  จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา  บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียน และในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร (มาระโก 1:29-30)
ในยามทุกข์ร้อน ข้าพเจ้าร้องหาพระยาห์เวห์ พระองค์ก็ทรงตอบข้าพเจ้า และทรงปลดปล่อยให้เป็นอิสระ พระยาห์เวห์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่กลัวสิ่งใด มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้ (สดุดี 118:5,6)
แม้ร่างกายและจิตใจข้าพเจ้าอ่อนกำลัง พระเจ้าก็ทรงเป็นหลักศิลาแห่งดวงใจ ทรงเป็นทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้าตลอดไป (สดุดี 73:26)
ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะพระคริสตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ได้หลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจของเรา (โรม 5:5)

2. พระวาจาสำหรับเวลาที่เรารู้สึกกลัว
เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเรากับท่าน เราให้สันติสุขกับท่านไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย (ยอห์น 14:17)
ไม่มีอันตรายใดจะเกิดขึ้นกับท่าน ไม่มีภัยพิบัติใดจะเข้ามาใกล้กระโจมของท่าน เพราะพระองค์ทรงบัญชาบรรดาทูตสวรรค์ไว้แล้ว ให้พิทักษ์รักษาท่าน ไม่ว่าท่านจะไปทางไหน (สดุดี 91:10-11)
พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา (2 ทิโมธี 1:7)
ไม่มีความกลัวในความรัก ความรักที่สมบูรณ์ย่อมขจัดความกลัว เพราะความกลัวคือความคาดหมายว่าจะถูกลงโทษ ความรักของผู้มีความกลัวจึงยังไม่สมบูรณ์ (1 ยอห์น 4:18)
แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดินไปในหุบเขาที่มืดมิด ข้าพเจ้าก็จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า พระคทาและธารพระกรของพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ พระองค์ทรงจัดเตรียมโต๊ะอาหารไว้สำหรับข้าพเจ้า ต่อหน้าเหล่าศัตรู ทรงเทน้ำมันเจิมศีรษะของข้าพเจ้า ทรงเทเครื่องดื่มลงในถ้วยของข้าพเจ้าจนล้นปรี่ (สดุดี 23:4-5)
ท่านทั้งหลายไม่ได้รับจิตการเป็นทาสซึ่งมีแต่ความหวาดกลัวอีก แต่ได้รับจิตการเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งทำให้เราร้องออกมาว่า “อับบา พ่อจ๋า” (โรม 8:15)
โดยเหตุนี้ เราจึงพูดด้วยความมั่นใจได้ว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่กลัว มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้” (ฮีบรู 13:6)
เจ้าจะได้รับสถาปนาไว้ในความชอบธรรม เจ้าจะห่างไกลจากการบีบบังคับ เพราะเจ้าจะไม่ต้องกลัว และห่างจากความสยดสยอง เพราะมันจะไม่มาใกล้เจ้า (อิสยาห์ 54:14)
เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ เจ้าไม่จะไหม้ และเปลวเพลิงจะไม่เผาผลาญเจ้า (อิสยาห์ 43:2)
พระเจ้าทรงเป็นแหล่งลี้ภัยและทรงเป็นพละกำลังสำหรับชาว เราเป็นความช่วยเหลือที่พร้อมเสมอในยามเดือดร้อน (สดุดี 46:1)
การกลัวคนวางบ่วงไว้ แต่บุคคลที่วางใจในพระเจ้าก็ปลอดภัย (สุภาษิต 29:25)
พระองค์ทรงเป็นที่หลบภัยของข้าพเจ้า พระองค์ทรงปกป้องข้าพเจ้าจากอันตราย ทรงล้อมข้าพเจ้าไว้ด้วยบทเพลงเพราะทรงช่วยให้รอดพ้น (สดุดี 32:7)
พระยาห์เวห์ทรงเป็นความสว่างและทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใด พระยาห์เวห์ทรงเป็นป้อมปราการปกป้องชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะหวาดกลัวผู้ใดเล่า (สดุดี 27:1)
อย่ากลัวความกลัวลานที่มาถึงปัจจุบันทันด่วน หรือกลัวความพินาศย่อยยับของคนชั่วร้ายที่เกิดขึ้น เพราะพระเจ้าจะทรงเป็นความไว้วางใจของเจ้า และจะทรงรักษาเท้าของเจ้าให้พ้นจากการถูกจับ (สุภาษิต 3:25-26)

3. พระวาจาสำหรับเวลาที่เรามีปัญหา - ทุกข์ยาก
พระยาห์เวห์ทรงเป็นปราการมั่นคงสำหรับผู้ถูกกดขี่ ทรงเป็นที่มั่นในยามทุกข์ร้อน (สดุดี 9:9)
ถ้าเขาสะดุด เขาจะไม่ล้ม เพราะพระยาห์เวห์ทรงจับมือพยุงเขาไว้ ความรอดพ้นของผู้ชอบธรรมมาจากพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นแหล่งลี้ภัยในยามทุกข์ร้อน (สดุดี 37:24,39)
คนชั่วร้ายย่อมติดบ่วงโดยการละเมิดแห่งริมฝีปากของตน แต่คนชอบธรรมหนีพ้นจากความลำบาก ไม่มีความชั่วตกอยู่กับคนชอบธรรม แต่คนชั่วร้ายเต็มด้วยความลำบาก (สุภาษิต 12:13,21)
ผู้ที่ใส่ใจดูแลคนยากจน และผู้อ่อนแอย่อมเป็นสุข พระยาห์เวห์จะทรงช่วยเขาในยามทุกข์ร้อน (สดุดี 41:1)
เมื่อต้องลำบาก เขาร้องหาพระยาห์เวห์ พระองค์ก็ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้น (สดุดี 107:19)
เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ (โรม 8:28)
ท่านทั้งหลายอย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะวันพรุ่งนี้จะกังวลสำหรับตนเอง แต่ละวันมีทุกข์พออยู่แล้ว (มัทธิว 6:34)
อย่ากระวนกระวายใจถึงสิ่งใดเลย จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบถึงความปรารถนาทุกอย่างของท่านโดยคำอธิษฐาน การวอนขอพร้อมด้วยการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินสติปัญญาจะเข้าใจได้นั้น จะคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่านไว้ในพระคริสตเยซู (ฟิลิปปี 4:6-7)
จงมอบทางของท่านไว้กับพระเจ้า  วางใจในพระองค์ และพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ (สดุดี 37:5)
เราบอกเรื่องเหล่านี้กับท่านแล้ว เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ ท่านจะมีความทุกข์ยาก แต่อย่าท้อแท้ เราชนะโลกแล้ว” (ยอห์น 16:33)
อย่ากลัวเลย เราจะอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา (อิสยาห์ 41:10)
พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา จะไม่มีความตายอีกต่อไป จะไม่มีการคร่ำครวญ การร้องไห้ และความทุกข์อีกต่อไป เพราะโลกเดิมผ่านพ้นไปแล้ว (วิวรณ์ 21:4)
เราได้รับการทรมานร่วมกับพระคริสตเจ้ามากฉันใด เราก็ได้รับกำลังใจเดชะพระคริสตเจ้ามากฉันนั้น เรามีความหวังอย่างแน่วแน่ในท่านทั้งหลาย เพราะเรารู้ว่าท่านมีส่วนร่วมรับความทุกข์ของเราฉันใด ท่านก็จะมีส่วนร่วมรับกำลังใจพร้อมกับเราด้วยฉันนั้น (2โครินธ์ 1:5,7)
ท่านที่รักยิ่ง อย่าประหลาดใจต่อการเบียดเบียนซึ่งเกิดขึ้นเป็นการทดสอบท่านทั้งหลาย แต่จงชื่นชมในการที่ท่านมีส่วนร่วมรับทรมานกับพระคริสตเจ้า เพื่อท่านจะได้มีความชื่นชมและปลื้มปิติยิ่งขึ้นเมื่อพระองค์ทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ (1เปโตร 4:12-13)
จะเป็นเกียรติได้อย่างไรถ้าท่านทำผิดแล้วต้องทนทุกข์เพราะถูกลงโทษ แต่ถ้าท่านทำความดี แล้วยอมทนทุกข์ จึงจะเป็นพระหรรษทานของพระเจ้า (1เปโตร 2:20)
ท่านใดทนทุกข์ จงอธิษฐานภาวนาเถิด ท่านใดร่าเริงยินดี จงร้องเพลงสดุดีเถิด (ยากอบ 5:13)
พระองค์มิได้ทรงดูถูกหรือสะอิดสะเอียน  ต่อความทุกข์ยากของผู้ที่ทุกข์ใจ และพระองค์มิได้ทรงซ่อนพระพักตร์จากเขา  เมื่อเขาร้องทูล พระองค์ทรงฟัง (สดุดี 22:24)
จงรอคอยพระเจ้า  จงเข้มแข็ง และให้จิตใจของท่านกล้าหาญเถิด จงรอคอยพระเจ้า (สดุดี 27:14)
จงมอบภาระของท่านไว้กับพระเจ้า และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน พระองค์จะไม่ทรงยอมให้คนชอบธรรมคลอนแคลนเลย (สดุดี 55:22)
พระเจ้าทรงชูทุกคนที่กำลังจะล้มลง  และทรงยกทุกคนที่โน้มตัวลงให้ลุกขึ้น (สดุดี 145:14)
คนชอบธรรมนั้นถูกข่มใจหลายอย่าง  แต่พระเจ้าทรงช่วยกู้เขาออกมาให้พ้นหมด (สดุดี 34:19)
จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย เหตุใดจึงเศร้าโศกเช่นนี้ เหตุใดจึงกระวนกระวายอยู่ภายในข้าพเจ้า จงมอบความหวังไว้ในพระเจ้าเถิด
ข้าพเจ้าจะยังสรรเสริญพระองค์อีก พระองค์ผู้ทรงเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น และทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า (สดุดี 42:11)

4. พระวาจาสำหรับเวลาที่เราไม่สบายใจ
เพราะว่าพระเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้า เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่ขายหน้า เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงตั้งหน้าของข้าพเจ้าอย่างหินเหล็กไฟ และข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้อาย (อิสยาห์ 50:7)
ที่ใดมีความอิจฉาริษยาและความทะเยอทะยาน ที่นั่นย่อมมีแต่ความวุ่นวายและความชั่วร้ายนานาชนิด  ส่วนปรีชาญาณที่มาจากเบื้องบน ประการแรกเป็นสิ่งบริสุทธิ์ แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาบังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ลำเอียง ไม่เสแสร้ง ผู้ที่สร้างสันติย่อมเป็นผู้หว่านในสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความชอบธรรม (ยากอบ 3:16-18)
จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง  จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น (สุภาษิต 3:5-6)
ท่านใดขาดปรีชาญาณ จงขอปรีชาญาณนั้นจากพระเจ้าเถิด พระองค์ประทานให้ทุกคนด้วยพระทัยกว้างโดยไม่ทรงตำหนิเลย แล้วเขาจะได้รับปรีชาญาณตามที่ขอ (ยากอบ 1:5)
ข้าพเจ้าจะสอนท่านและจะชี้ทางเดินให้ท่าน ข้าพเจ้าจะคอยดูแล ให้คำปรึกษาแก่ท่าน (สดุดี 32:8)
จงมอบภาระของท่านไว้กับพระเจ้า และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน พระองค์จะไม่ทรงยอมให้คนชอบธรรมคลอนแคลนเลย (สดุดี 55:22)
พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย  และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง  (อิสยาห์ 40:29)
อย่ากระวนกระวายใจถึงสิ่งใดเลย จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบถึงความปรารถนาทุกอย่างของท่านโดยคำอธิษฐาน การวอนขอพร้อมด้วยการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินสติปัญญาจะเข้าใจได้นั้น จะคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่านไว้ในพระคริสตเยซู (ฟิลิปปี 4:6-7)
จงสงบอยู่ต่อพระเจ้า และเพียรรอคอยพระองค์อยู่  อย่าให้ใจของท่านเดือดร้อน เพราะเหตุผู้ที่เจริญตามทางของเขา หรือเพราะเหตุผู้ที่กระทำตามอุบายชั่ว (สดุดี 37:7)
และเมื่อเจ้าหันไปทางขวา หรือหันไปทางซ้าย หูของเจ้าจะได้ยินวจนะข้างหลังเจ้า ว่า "นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้"  (อิสยาห์ 30:21)
ถ้าพระเจ้าทรงนำย่างเท้าของมนุษย์คนใด  และคนนั้นพอใจในมรรคาของพระองค์  แม้เขาล้ม เขาจะไม่ถูกเหวี่ยงลงเหยียดยาว  เพราะว่าพระหัตถ์พระเจ้าพยุงเขาไว้ (สดุดี 37:23-24)
ความมั่นใจของเราต่อพระองค์มีอยู่ว่า ถ้าเราวอนขอสิ่งใดที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์จะทรงฟังเรา  และถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงฟังสิ่งที่เราวอนขอ เราย่อมรู้ว่า เรามีสิ่งที่เราวอนขอนั้นแล้ว (1ยอห์น 5:14-15)
พระเจ้าจะทรงให้สำเร็จพระประสงค์ของพระองค์แก่ข้าพระองค์  ข้าแต่พระเจ้า ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์  ขออย่าทรงละทิ้งพระหัตถกิจของพระองค์ (สดุดี 138:8)
พระองค์มิได้ทรงหวงแหนพระบุตรของพระองค์  แต่ทรงมอบพระบุตรเพื่อเราทุกคน แล้วพระองค์จะไม่ประทานทุกสิ่งให้เราพร้อมกับองค์พระบุตรหรือ (โรม 8:32)

5. พระวาจาสำหรับเวลาที่เรารู้สึกผิด - หดหู่
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่ฟังวาจาของเรา และมีความเชื่อในพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา ก็ย่อมมีชีวิตนิรันดร
และไม่ต้องถูกพิพากษา แต่เขาได้ผ่านจากความตายเข้าสู่ชีวิตแล้ว (ยอห์น 5:24)
พระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น ผู้ที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ แต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า (ยอห์น 3:17-18)
เราจะกรุณาต่อความอธรรมของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาอีกต่อไป (ฮีบรู 8:12)
เราจะชำระเขาจากโทษบาปของเขาซึ่งมีต่อเรา และจะให้อภัยโทษบาปและการกบฏต่อเรา (เยเรมีย์ 33:8)
ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่ สภาพเก่าผ่านพ้นไป สภาพใหม่เกิดขึ้นแล้ว (2โครินธ์ 5:17)
เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสียเหมือนเมฆ และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอก จงกลับมาหาเรา เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว  (อิสยาห์ 44:22)
จงถ่อมตนลงอยู่ใต้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อพระองค์จะได้ทรงยกย่องท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร  จงละความกระวนกระวายทั้งมวลของท่านไว้กับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่าน (1เปโตร 5:6-7)
อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา (อิสยาห์ 41:10)
เราจะไม่ทิ้งท่านทั้งหลายให้เป็นกำพร้า เราจะกลับมาหาท่าน (ยอห์น 14:18)
พระองค์ทรงรักษาคนที่ชอกช้ำระกำใจ  และทรงพันผูกบาดแผลของเขา (สดุดี 147:3)
พระเนตรของพระเจ้า เห็นคนชอบธรรม  และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของเขา  เมื่อคนชอบธรรมร้องทูลขอ พระเจ้าทรงสดับ  และทรงช่วยเขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้นของเขา (สดุดี 34:15,17)
คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า (เยเรมีย์ 17:7)
พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา จะไม่มีความตายอีกต่อไป จะไม่มีการคร่ำครวญ การร้องไห้ และความทุกข์อีกต่อไป เพราะโลกเดิมผ่านพ้นไปแล้ว (วิวรณ์ 41:4)

6. พระวาจาสำหรับเวลาที่เราถูกทดลอง
ท่านทั้งหลายไม่เคยเผชิญกับการทดลองใด ๆ ที่เกินกำลังมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงอนุญาตให้ท่านถูกทดลองเกินกำลังของท่าน แต่เมื่อถูกทดลอง พระองค์จะประทานความสามารถให้ท่านยืนหยัดมั่นคงและหาทางออกได้ (1โครินธ์ 10:13)
บัดนี้ ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลายว่า จงดำเนินตามพระจิตเจ้า และอย่าตอบสนองความปรารถนาตามธรรมชาติ (กาลาเทีย 5:16)
ในฐานะที่พระองค์ทรงรับการทรมานและทรงผ่านการทดลองมาแล้ว พระองค์จึงทรงช่วยเหลือผู้ที่ถูกทดลองได้ด้วย (ฮีบรู 2:18)
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยผู้เลื่อมใสศรัทธาให้พ้นจากการทดลองได้ และทรงกันคนอธรรมไว้ให้รับโทษเมื่อถึงวันพิพากษา (2เปโตร 2:9)
พี่น้องทั้งหลาย จงคิดว่าเป็นที่น่ายินดีเมื่อประสบความยากลำบากต่างๆ เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าการที่ความเชื่อของท่านถูกทดสอบก่อให้เกิดความพากเพียร (ยากอบ 1:2-3)
ดังนั้น ท่านจงชื่นชม แม้ว่าในเวลานี้ท่านยังต้องทนทุกข์จากการถูกทดสอบต่าง ๆ ชั่วขณะหนึ่ง  เพื่อคุณค่าที่แท้จริงแห่งความเชื่อของท่านจะได้รับการสรรเสริญ รับสิริรุ่งโรจน์และรับเกียรติเมื่อพระเยซูคริสตเจ้าจะทรงแสดงพระองค์ ความเชื่อนี้ประเสริฐยิ่งกว่าทองคำที่เสื่อมสลายได้ แต่ก็ยังถูกทดสอบด้วยไฟ (1เปโตร 1:6-7)
เราบอกเรื่องเหล่านี้กับท่านแล้ว เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ ท่านจะมีความทุกข์ยาก แต่อย่าท้อแท้ เราชนะโลกแล้ว” (ยอห์น 16:33)
พระเยซูคริสตเจ้าทรงมอบพระองค์เพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากบาป และเพื่อช่วยเราให้พ้นจากความชั่วร้ายในโลกปัจจุบัน ตามพระประสงค์ของพระเจ้าพระบิดาของเรา (กาลาเทีย 1:4)
ผู้ที่มีมานะอดทนต่อการถูกทดลองย่อมเป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดลองนั้น เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รักพระองค์  อย่าให้ผู้ใดที่ถูกทดลองพูดว่า “ข้าพเจ้าถูกพระเจ้าทดลอง” เพราะความชั่วไม่อาจทดลองพระเจ้าได้ และพระองค์ไม่ทรงทดลองผู้ใด  แต่เราทุกคนถูกกิเลสตัณหาทดลอง ดึงดูด และหลอกลวง
(ยากอบ 1:12-14)
จงมีสติสัมปชัญญะและตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะศัตรูของท่านคือมาร กำลังดักวนเวียนอยู่รอบ ๆ ดุจสิงห์โตคำราม เสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ จงต่อสู้มันด้วยใจมั่นคงในความเชื่อ จงรู้ว่าบรรดาพี่น้องผู้มีความเชื่อทั่วโลกก็ประสบความทุกข์ลำบากเช่นเดียวกัน (1เปโตร 5:8-9)
พระยาห์เวห์ทรงปกป้องคุ้มครองคนซื่อ เมื่อข้าพเจ้าตกต่ำ พระองค์ก็ทรงช่วยให้รอดพ้น วิญญาณข้าพเจ้าเอ๋ย จงสงบอีกครั้งหนึ่งเถิด เพราะพระยาห์เวห์ทรงดีต่อเจ้า (สดุดี 116:6,7)
พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยและทรงเป็นโล่กำบังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์ (สดุดี 119:114)
ท่านต้องมีความพากเพียรในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำเหน็จตามพระสัญญา (ฮีบรู 10:36)
ใครจะทำร้ายท่านได้ ถ้าท่านมุ่งมั่นในความดี (1 เปโตร 3:13)
พระยาห์เวห์ทรงคุ้มครองทางของผู้ชอบธรรม แต่ทางของคนชั่วจะพินาศ (สดุดี 1:6)
บุคคลผู้ฟังเราจะอยู่อย่างปลอดภัย เขาจะอยู่อย่างสงบสุข ปราศจากความคิดพรั่นพรึงในความชั่วร้าย (สุภาษิต 1:33)
จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวเลย อย่าครั่นคร้ามเขาเลย เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านจะเสด็จไปกับท่าน พระองค์จะไม่ทรงทำให้ท่านผิดหวังหรือทอดทิ้งท่าน (เฉลยธรรมบัญญัติ 31:6)

7. พระวาจาสำหรับเวลาที่เราเจ็บป่วย
จงปรนนิบัติพระเจ้าของเจ้า แล้วพระองค์จะทรงอวยพรแก่อาหารและน้ำของเจ้า เราจะบันดาลให้โรคต่างๆ หายไปจากท่ามกลางพวกเจ้า (อพยพ 23:25)
เมื่อเขานอนเจ็บ พระเจ้าทรงค้ำจุนเขา  เมื่อเขาป่วยไข้พระองค์ทรงรักษาความเจ็บไข้ทั้งสิ้นของเขาให้หาย (สดุดี 41:3)
ดูเถิด เราจะนำอนามัย และการรักษามาให้ และเราจะรักษาเขาทั้งหลายให้หาย และเผยสวัสดิภาพและความมั่นคงอย่างอุดม (เยเรมีย์ 33:6)
พระองค์ทรงแบกบาปของเราไว้ในพระวรกายบนไม้กางเขน เพื่อเราจะได้ตายจากบาปและมีชีวิตอยู่เพื่อความชอบธรรม รอยแผลของพระองค์รักษาท่านให้หาย (1เปโตร 2:24)
พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด (มัทธิว 9:35)
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลขอความอุปถัมภ์จากพระองค์ และพระองค์ได้ทรงรักษาข้าพระองค์ให้หาย (สดุดี 30:2)
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรักษาข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะได้หาย  ขอทรงช่วยข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงจะรอด เพราะพระองค์เป็นที่สรรเสริญของข้าพระองค์ (เยเรมีย์ 17:14)
ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพออกจากพระองค์ รักษาทุกคนให้หาย (ลูกา 6:19)
มาเถิด ให้เรากลับไปหาพระเจ้า  เพราะว่าพระองค์ทรงฉีก และจะทรงรักษาเราให้หาย พระองค์ทรงโบยตี และจะทรงพันบาดแผลให้แก่เรา (โฮเชยา 6:1)

8. พระวาจาคือแหล่งในการชี้นำทางเรา และการแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า
ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง ท่านจะรู้ความจริง และความจริงจะทำให้ท่านเป็นอิสระ (ยอห์น 8:31-32)
ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์ เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อมและพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง (2ทิโมธี 3:16-17)
พระวาจาของพระองค์เป็นโคมส่องทางของข้าพเจ้า เป็นแสงสว่างส่องทางเดินให้ข้าพเจ้า (สดุดี 119:105)
จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง  จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น (สุภาษิต 3:5-6)
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์คือประทีปของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ทรงส่องความมืดของข้าพเจ้าให้สว่างไสว  (2ซามูเอล 22:29)
พระเจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นพระศิลาและเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์ ขอทรงพาและนำข้าพระองค์ด้วยเห็นแก่พระนามของพระองค์ (สดุดี 31:3)
เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ (โรม 8:28)
ผู้ที่มีบทบัญญัติของเรา และปฏิบัติตาม ผู้นั้นรักเรา และผู้ที่รักเรา พระบิดาของเราก็จะทรงรักเขา และเราเองก็จะรักเขา และจะแสดงตนแก่เขา (ยอห์น 14:21)
พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงฟังเถิด พระเจ้าทรงเลือกผู้ที่โลกตัดสินว่ายากจนเพื่อให้เขามั่งมีในความเชื่อ และเป็นทายาทรับมรดกพระอาณาจักรซึ่งทรงสัญญาไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์มิใช่หรือ (ยากอบ 2:5)
ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “สิ่งที่ตาไม่เคยเห็น และหูไม่เคยได้ยิน และจิตใจของมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์” (1โครินธ์ 2:9)
ถ้าผู้ใดรักพระเจ้า พระองค์ก็ทรงรู้จักผู้นั้น (1โครินธ์ 8:3)
ผู้ที่มีมานะอดทนต่อการถูกทดลองย่อมเป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดลองนั้น เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รักพระองค์ (ยากอบ 1:12)
ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ (ยอห์น 15:10)
พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาแล้ว พระองค์ประทานความเข้าใจให้เรา เพื่อเราจะได้รู้จักพระเจ้าแท้ เราอยู่ในพระองค์ และอยู่ในพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแท้ และทรงเป็นชีวิตนิรันดร ลูกที่รัก จงระวังตนจากรูปเคารพเถิด (1 ยอห์น 5:20)
จงมอบภาระของท่านไว้กับพระเจ้า และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน พระองค์จะไม่ทรงยอมให้คนชอบธรรมคลอนแคลนเลย (สดุดี 55:22)
อย่าเดือดร้อนเรื่องคนเลวร้าย หรืออิจฉาริษยาผู้ที่กระทำผิด เขาจะเหี่ยวแห้งไปอย่างรวดเร็วเหมือนต้นหญ้า จะร่วงโรยเหมือนพืชเขียวในทุ่งนา จงวางใจในพระยาห์เวห์และทำความดี จงพำนักอยู่ในแผ่นดินและอยู่เป็นสุข (สดุดี 37:1-3)
อย่าเดือนร้อนเมื่อใครสักคนประสบความสำเร็จด้วยเล่ห์กล จงระงับโทสะและเลิกโกรธ อย่าเดือนร้อน เพราะไม่เกิดประโยชน์ใด คนเลวร้ายย่อมถูกกำจัดให้หมดสิ้น แต่ผู้ที่มีความหวังในพระยาห์เวห์ย่อมได้รับแผ่นดินเป็นมรดก (สดุดี 37:8-9)
อย่าดูหมิ่นพระดำรัสสอนของพระเจ้า หรือเบื่อหน่ายต่อพระดำรัสเตือนของพระองค์ เพราะพระเจ้าทรงตักเตือนผู้ที่พระองค์ทรงรัก ดังบิดาตักเตือนบุตรผู้ที่เขาปีติชื่นชม (สุภาษิต 3:11-12)
อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว (โรม 13:8)
อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว  จงพยายามทำดีต่อมนุษย์ทุกคน ในส่วนของท่าน จงอยู่อย่างสันติกับทุกคนถ้าเป็นไปได้ (โรม 12:17-18)
พี่น้องที่รักยิ่ง อย่าแก้แค้นเลย  แต่จงให้พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษเถิด ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทนการกระทำของทุกคน พระเจ้าตรัสดังนี้ (โรม 12:19)
ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารกับเขา ถ้าเขากระหาย จงให้เขาดื่ม เพราะเมื่อทำเช่นนี้ ท่านจะทำให้เขาสำนึกและละอายใจ  อย่าให้ความชั่วเอาชนะท่าน แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี (โรม 12:20-21)
จงอย่าพูดคำเลวร้ายใด ๆ เลย จงพูดแต่คำดีงามเพื่อช่วยกันเสริมสร้างผู้อื่นตามโอกาสและเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บรรดาผู้ได้ยินได้ฟัง (เอเฟซัส 4:29)
จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน (มัทธิว 7:7)
จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก จงพากเพียรในการภาวนา (โรม 12:12)
ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน  จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตนจิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน  เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา (มัทธิว 11:28-30)
ท่านทั้งหลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำพังในที่สงัดระยะหนึ่งเถิด (มาระโก 6:31)

 

9. พระวาจาสำหรับการปฏิบัติความรักต่อพระเจ้า - เพื่อนมนุษย์
ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราเช่นนี้ เราก็ควรจะรักกันด้วย ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า แต่ถ้าเรารักกัน พระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเรา และความรักของพระองค์ในเราก็จะสมบูรณ์  (1 ยอห์น 4:11-12)
ท่านทั้งหลายจงมีความคิดเห็นพ้องต้องกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน รักกันฉันพี่น้อง เห็นใจกันและรู้จักถ่อมตน  อย่าตอบโต้ความชั่วด้วยความชั่ว อย่าด่าตอบผู้ที่ด่าท่าน แต่ตรงกันข้าม จงอวยพรเขา เพราะพระเจ้าทรงเรียกท่านมาก็เพื่อให้รับพระพร (1 เปโตร 3:8-9)
นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย (ยอห์น 15:12-13)
ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน  บทบัญญัติประการที่สองก็คือ ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าบทบัญญัติสองประการนี้ (มาระโก 12:30-31)
ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่า ท่านเป็นศิษย์ของเรา (ยอห์น 13:35)
เรากล่าวแก่ท่านว่า จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน (มัทธิว 5:44)
เราได้รับบทบัญญัตินี้จากพระองค์ คือให้ผู้ที่รักพระเจ้า รักพี่น้องของตนด้วย (1 ยอห์น 4:21)
อย่าให้ความชั่วเอาชนะท่าน แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี (โรม 12:21)
เมื่อท่านทั้งหลายนอบน้อมเชื่อฟังความจริง ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์จนรักกันฉันพี่น้องแล้ว ก็จงรักกันจากใจจริงยิ่ง ๆ ขึ้นเถิด (1 เปโตร 1:22)
ท่านที่รักทั้งหลาย เราจงรักกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่มีความรัก ย่อมบังเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระองค์ ผู้ไม่มีความรัก ย่อมไม่รู้จักพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก (1 ยอห์น 4:7-8)
ผู้ที่รักพี่น้องของตน ก็ดำรงอยู่ในความสว่าง และไม่มีสิ่งใดในตัวเขาที่ทำให้เขาล้มลงได้ แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตน ก็อยู่ในความมืด และเดินวนเวียนอยู่ในความมืด โดยไม่รู้ว่าเขากำลังเดินไปทิศทางใด เพราะความมืดทำให้ตาของเขาบอด (1 ยอห์น 2:10-11)
อย่าละเลยที่จะกระทำกิจการที่ดีและรู้จักแบ่งปัน เกื้อกูลกัน เพราะนี่คือเครื่องบูชาที่พระเจ้าพอพระทัย (ฮีบรู 13:16)
พระเจ้าไม่ทรงอยุติธรรมถึงกับจะทรงลืมกิจการที่ท่านได้กระทำ และทรงลืมความรักที่ท่านได้แสดงต่อพระนามของพระองค์ โดยรับใช้บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์และยังคงรับใช้อยู่ต่อไป (ฮีบรู 6:10)
ขณะที่ท่านยืนอธิษฐานภาวนา จงให้อภัย ถ้าท่านมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใด เพื่อว่าพระบิดาของท่านผู้สถิตบนสวรรค์จะทรงอภัยความผิดให้ท่านด้วย (มาระโก 11:25)
จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน หากมีเรื่องผิดใจกันก็จงยกโทษกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยแก่เขาอย่างนั้นเถิด (โคโลสี 3:13)
เพราะถ้าท่านให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ก็จะประทานอภัยแก่ท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทานอภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน (มัทธิว 6:14-15)
ท่านทั้งหลายจงขจัดความขมขื่น ความขุ่นเคือง ความโกรธ การขู่ตะคอก การนินทาว่าร้าย และความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย  แต่จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่านในองค์พระคริสตเจ้าเถิด (เอเฟซัส 4:31-32)
พระองค์ทรงซื่อสัตย์และทรงเที่ยงธรรม ถ้าเราสารภาพบาป พระองค์จะทรงอภัยบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง (1 ยอห์น 1:9)