ความสัมพันธ์ที่ยกเลิกมิได้
20. ความสัมพันธ์ในคู่สมรส มีลักษณะพิเศษไม่เพียงแต่ว่า ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่านั้น แต่ยังยกเลิกมิได้เลยด้วย “ทั้งความสนิทสนมกันอย่างแน่นแฟ้นและการอุทิศตัวให้แก่กันและกันระหว่างบุคคลสองคนแม้กระทั่งคุณประโยชน์ของบรรดาลูกๆ ด้วย ทั้งหมดนี้เรียกร้องให้สามีภรรยาจะต้องซื่อสัตย์ต่อกันอย่างบริบูรณ์และให้เขาต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแบบที่ยกเลิกกันมิได้”
เป็นหน้าที่ของพระศาสนจักรที่จะต้องยืนยันอย่างหนักแน่นอีกครั้งหนึ่งในคำสอนที่ว่าด้วยการสมรสซึ่งยกเลิกมิได้ ดังที่สมัชชาพระสังฆราชได้ปฏิบัติหน้าที่นี้อยู่แล้ว ทุกวันนี้ พระศาสนจักรต้องประกาศคำสอนนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่คนที่เข้าใจว่า เป็นการยากหรือว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผูกตัวเองไว้เฉพาะกับคนๆ เดียวเท่านั้นตลอดชีวิต ต้องประกาศให้แก่คนที่หลงตามแนวโน้มของวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่หมิ่นประมาทการสมรสที่ยกเลิกมิได้และกล้าเยาะเย้ยสามีภรรยาที่ตั้งใจจะซื่อสัตย์ต่อกัน สำหรับคนเหล่านี้ ต้องเผยแผ่คำสอนที่น่ายินดีเกี่ยวกับความรักอันยืนยงถาวรระหว่างสามีภรรยา ซึ่งมีพระคริสตเจ้าเป็นเสมือนหลักยึดถือและรับความมั่นคงจากพระองค์
ภาวะการยกเลิกไม่ได้ของการสมรสฝังรากลึกในการอุทิศตัวของบุคคลให้แก่อีกคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง และเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณประโยชน์ของบรรดาลูกๆ เนื้อแท้อันสูงส่งของการสมรสที่ยกเลิกมิได้นั้น ปรากฏในแผนการซึ่งพระเจ้าได้ทรงแสดงออกทางพระคัมภีร์ สรุปได้ว่า พระองค์เองเป็นผู้ทรงพระประสงค์และประทานการสมรสที่ยกเลิกมิได้นั้นให้เป็นทั้งผล เครื่องหมาย และเป็นข้อเรียกร้องของความรักที่ซื่อสัตย์ที่สุดที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์และที่พระคริสตเจ้าทรงมีต่อพระศาสนจักร
พระคริสตเจ้าทรงรื้อฟื้นแผนการดั้งเดิมซึ่งพระผู้สร้างได้ทรงจารึกไว้ในใจของชายและหญิง และโดยพิธีศีลสมรสพระองค์ทรงให้ “หัวใจใหม่” แก่เขา ดังนั้น นอกจากว่าสามีภรรยาจะสามารถชนะ “ใจแข็งกระด้าง” ของตนได้แล้ว เขาก็ยังสามารถมีส่วนร่วมในความรักที่สมบูรณ์และครบบริบูร์ของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงเป็นพันธสัญญาใหม่อันยืนยงที่ทรงรับเอากาย พระคริสตเจ้าทรงเป็น “พยานที่ซื่อสัตย์” ทรงเป็นคำว่า “อาแมน” (สำเร็จแล้ว) ของคำสัญญาต่างๆ ของพระเจ้า และดังนั้นพระองค์ทรงเป็นผู้แสดงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จผลถึงขั้นสุดยอดแล้วตามความรักที่ซื่อสัตย์อย่างสูงส่งซึ่งพระเจ้าทรงมีต่อประชากรของพระองค์ ฉันใดก็ฉันนั้น สามีภรรยาคริสตชนได้รับเกียรติให้เป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการสมรสที่ยกเลิกและกลับคืนมิได้ระหว่างพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักร เจ้าสาวซึ่งพระองค์ทรงรักจนถึงวาระสุดท้าย
พระคุณของศีลสมรสเป็นทั้งพระกระแสเรียกและพระบัญญัติให้สามีภรรยาคริสตชนจะต้องซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป ไม่ว่าจะต้องประสบความยุ่งยากลำบากมากเท่าไรก็ตาม โดยนอบน้อมด้วยดวงใจอันเปิดกว้างต่อน้ำพระทัยของพระคริสตเจ้าผู้ตรัสว่า “สิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าได้แยกเลย”
การเป็นพยานถึงความสำคัญอันพรรณนามิได้ของการสมรสที่ยกเลิกมิได้และที่ซื่อสัตย์ของคู่สมรสนั้น เป็นบทบาทที่ยอดเยี่ยมและจำเป็นที่สุดของคู่สมรสคริสตชนในสมัยของเรา เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าพร้อมทั้งพี่น้องทั้งหลายที่ได้ร่วมในสมัชชาพระสังฆราชขอยกย่องและให้กำลังใจแก่คู่สมมรสหลายคู่ที่ถึงแม้จะเผชิญอุปสรรคที่หนักแสนหนัก แต่ก็ยังทะนุบำรุงและเทิดทูนคุณค่าของความยกเลิกมิได้นี้ ดังนี้ เขาจึงควรปฏิบัติภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายด้วยใจสุภาพถ่อมตนและกล้าหาญ อันได้แก่ การที่เขาต้องเป็นสัญลักษณ์ในโลกปัจจุบันถึงความซื่อสัตย์อันขาดมิได้ ซึ่งพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงรักมนุษย์ทั้งมวลและเราแต่ละคน ถึงแม้สัญลักษณ์นี้จะเล็กก็จริงแต่ก็มีคุณค่าสูง จะต้องเผชิญการโต้แย้งเป็นบางครั้งบางคราวก็จริง แต่ก็รื้อฟื้นตัวได้ใหม่เสมอ นอกจากนี้ ยังควรรู้คุณค่าของผู้เป็นพยานเป็นพิเศษอีกจำพวกหนึ่งก็คือ “สามีหรือภรรยา” ที่ถูกคู่ชีวิตทอดทิ้ง แต่ก็ไม่ได้แต่งงานใหม่เพราะเห็นแก่ความเชื่อและความหวังแน่วแน่ของคริสตชน สามีหรือภรรยาเหล่านี้จึงเป็นสักขีพยานแห่งความสัตย์ซื่อซึ่งโลกปัจจุบันต้องการพยานชนิดนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเหตุนี้เอง ผู้อภิบาลและคริสตชนของพระศาสนจักรควรเป็นกำลังใจให้เขาและช่วยเหลือเขาเป็นพิเศษ