แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

เอกภาพอันแบ่งแยกมิได้ของความสัมพันธ์ในคู่สมรส
19.  ความสัมพันธ์ที่มาอันดับแรก  ก็คือ  ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นและเจริญงอกงามระหว่างสามีภรรยา  โดยอาศัยพันธสัญญาว่าจะรักกันฉันสามีภรรยา  ชายและหญิง  “จึงไม่เป็นสองอีกต่อไป  แต่เป็นเนื้อเดียวกัน”   และได้รับการเรียกร้องให้พัฒนาจิตใจในความสัมพันธ์นั้นเป็นอย่างดีต่อเนื่องกันไป  โดยอาศัยความซื่อสัตย์ที่สม่ำเสมอทุกวันต่อคำสัญญาซึ่งเขาได้มีต่อกันในพิธีศีลสมรสที่ว่า  จะอุทิศตัวให้แก่กันและกันอย่างสิ้นเชิง
    ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยานี้มีรากฝังลึกในข้อเท็จจริงที่ว่าตามธรรมชาติแล้วชายและหญิงเป็นองค์ประกอบของกันและกัน  และความสัมพันธ์นั้นได้รับการหล่อเลี้ยงจากการที่สามีภรรยาตกลงกันว่าจะร่วมชีวิตกันในทุกๆ ด้าน ทั้งในสิ่งที่เขามีและสิ่งที่เขาเป็นอยู่  ความสัมพันธ์แบบนี้  เป็นทั้งผลและเครื่องหมายซึ่งแสดงถึงความต้องการอันล้ำลึกเฉพาะของมนุษย์ แต่โดยทางพระคริสตเจ้า  พระเจ้าทรงรับรองความต้องการนั้น  ทรงสนับสนุน  ทรงชำระให้บริสุทธิ์  ทรงยกชูขึ้น  และทรงบันดาลให้ความต้องการนั้นบรรลุถึงความสำเร็จในศีลสมรส  อันที่จริง  พระจิตเจ้าที่ถูกหลั่งรินในระหว่างพิธีศีลสมรสนั้น  ได้ทรงประทานพระคุณของความรักหรือของความสัมพันธ์แบบใหม่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันมีชีวิตและสัมผัสได้ที่หมายถึงเอกภาพอันน่าพิศวงซึ่งเกิดแก่พระศาสนจักรผู้กลายเป็นพระวรกายของพระคริสตเจ้าที่แบ่งแยกมิได้
    พระคุณของพระจิตเป็นกฎเกณฑ์ของชีวิตระหว่างสามีภรรยาคริสตชน  และเป็นแรงกระตุ้นเขาให้ก้าวหน้าไปสู่เอกภาพด้วยกันซึ่งนับวันแต่จะยิ่งสมบูรณ์ขึ้นในทุกระดับ  ไม่ว่าในระดับของร่างกาย  ของอุปนิสัย ของจิตใจ ของสติปัญญาและเจตจำนง  รวมทั้งของวิญญาณด้วย   ดังนั้น  สามีภรรยาเป็นผู้เปิดเผยให้พระศาสนจักรและโลกได้ทราบถึงความสัมพันธ์แห่งความรักแบบใหม่ซึ่งพระบารมีของพระเยซูเจ้าทรงประทานให้
    การมีภรรยาหรือสามีหลายคนขัดแย้งต่อความสัมพันธ์ดังกล่าวอย่างเด็ดขาด    เพราะเป็นการปฎิเสธแผนการของพระเจ้าโดยตรงดังที่ได้ทรงแสดงไว้แต่แรกเริ่ม  การกระทำเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกันของความเป็นคนของชายและหญิง  ในการสมรส  เขาทั้งสองอุทิศตัวให้แก่กันและกันด้วยความรักที่สมบูรณ์  หมายความว่าเป็นความรักอันหนึ่งอันเดียวกันและเฉพาะคู่  สังคายนาวาติกันครั้งที่  2  กล่าวว่า  “ด้วยเหตุว่า  ทั้งชายและหญิงประกอบด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นคนที่เท่าเทียมกันอันเนื่องจากความรักอันสมบูรณ์ซึ่งเขามีอยู่ต่อกันแล้ว  เอกภาพของการสมรสซึ่งพระคริสตเจ้าได้ทรงยืนยันนั้น  จึงปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน”