ร้านขายของในประเทศอิสราเอล มีกาลิกษ์ และถ้วย ชาม ที่สวยงามมากมายตั้งขายอยู่ในชั้นวางของในร้าน แต่ที่มุมหนึ่งในร้านมีถ้วยกาลิกษ์ไม้และอ่างทองคำที่สวยงามตั้งอยู่เคียงข้างกัน
“เจ้าช่างเป็นของราคาถูก แม้แต่ขอทานก็คงไม่อยากดื่มจากวัสดุต่ำๆ อย่างเจ้า” อ่างทองคำเยาะเย้ยกาลิกษ์ไม้ อย่างไรก็ดีถ้วยกาลิกษ์ที่ต่ำต้อยก็ยังคงนิ่งเงียบ
ไม่นานนักมีลูกค้าสองคนเข้ามาในร้าน คนหนึ่งเป็นชาวโรมันผู้ร่ำรวยในขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นเพียงชาวประมงจนๆ ชาวโรมันซื้ออ่างทองคำ ในขณะที่ชาวประมงซื้อกาลิกษ์ไม้
กาลิกษ์พบว่าชาวประมงนำมันมายังห้องงานเลี้ยงชั้นบน และเขาวางมันบนโต๊ะที่รับประทานอาหารค่ำ มันพบว่ามีมือที่อบอุ่นของชายผู้น่าเคารพเทเหล้าองุ่นลงในมัน ยกมันขึ้น และมันได้ยินถ้อยคำแปลกๆ ของชายที่น่าเคารพคนนั้นกล่าวว่า “นี่คือโลหิตของเรา จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” ถ้วยกาลิกษ์จำได้ในทันทีว่าชายที่น่าเคารพคนนี้เป็นใคร เขาคือพระเยซู มันได้รับเกียรติรองรับพระโลหิตของพระองค์ มันร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ
ในวันรุ่งขึ้น อ่างทองคำพบว่าตัวเองอยู่ที่ลานปูศิลาของปิลาโตข้าหลวงชาวโรมัน มันภาคภูมิใจที่ได้อยู่ในครอบครองของชายที่ร่ำรวยและทรงอำนาจคนนี้ ซึ่งแตกต่างจากเจ้ากาลิกษ์อันต่ำต้อยที่จะเป็นของใช้สำหรับชาวประมงกระจอกๆ เท่านั้น
ทาสได้นำอ่างทองคำมาต่อหน้าปิลาโต เขาเทน้ำล้างมือของเขา และน้ำที่ผ่านมือเขาหยดลงบนบนอ่างทองคำ มันเป็นน้ำที่ปิลาโตล้างมือก่อนที่จะมอบพระเยซูเจ้าให้ชาวยิวนำพระองค์ไปตรึงกางเขน เมื่อถึงจุดนี้อ่างทองคำยังคงสำคัญผิดว่ามันช่างมีความสำคัญที่ได้รองรับน้ำจากมือของผู้ยิ่งใหญ่ มันไม่รู้เลยว่าน้ำที่หยดลงบนตัวมันเป็นน้ำที่มาจากมือที่อยุติธรรมและขี้ขลาด เป็นน้ำที่มาจากมือของผู้ที่ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู และมันจะถูกจดจำตลอดไป
ชวนคิดสะกิดใจ
คุณค่าในชีวิตของเราจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าเราเป็นใคร แต่มันอยู่ที่ว่าเราดำเนินชีวิตอย่างไร และเพื่ออะไร นักบุญเปาโลบอกกับเราว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสตเจ้า และการตายก็เป็นกำไร” (ฟป 1:21)