พัฒนาการทางประวัติศาสตร์
ชาวอิสราเอลสามารถยึดครองคานาอันได้ประมาณปี 1250 ถึง 1200 ก่อน ค.ศ. จากนั้นก็แบ่งเป็นเหล่า เป็นตระกูล โดยไม่มีอำนาจรวมศูนย์ แต่ก็มีผู้นำซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นผู้สืบทอดอำนาจอันชอบธรรมจากโมเสสและจากพระเจ้า ชาวอิสราเอล เรียกผู้นำนี้ว่า “ผู้วินิจฉัย” (Judge) องค์สุดท้ายก่อนที่จะเปลี่ยนไปสู่ระบบราชาธิปไตย คือ ซามูแอล ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงมอบหมายให้เป็นผู้แต่งตั้งกษัตริย์องค์แรกคือ ซาอูล คัมภีร์ไบเบิลเล่าว่าเป็นความต้องการของชาวอิสราเอลเองที่อยากมีกษัตริย์ เพราะเห็นว่าชนชาติอื่นๆ ต่างก็มีกัน
วิธีการแต่งตั้งบุคคลสำคัญในสมัยนั้นก็คือการชโลมหรือเจิมด้วยน้ำมันที่ศีรษะ ซึ่งถือปฏิบัติกันในพิธีกรรมต่างๆ ทางศาสนาด้วย ซาอูลก็ได้รับพิธีแต่งตั้งดังกล่าว ซึ่งประมาณว่าอยู่ในปลายศตวรรษที่ 11 ก่อน ค.ศ. กษัตริย์ซาอูลอยู่ได้ไม่นาน กษัตริย์ดาวิดก็ได้ขึ้นครองราชย์ นับเป็นรัชสมัยที่รุ่งเรืองและได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดในคัมภีร์ไบเบิล
กษัตริย์ดาวิดสามารถรวมแคว้นต่าง ๆ ของอิสราเอลเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะสองแคว้นใหญ่ที่แย่งชิงอำนาจกันอยู่เสมอ คือ อิสราเอลกับยูดา กลายเป็นอาณาจักรหนึ่งเดียว ซึ่งจะมีความสำคัญในแง่ความเชื่อเรื่องอาณาจักรพระเจ้าและพระเยซูผู้ทรงเป็นจอมราชันย์ เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากดาวิดและจะเป็นผู้สถาปนาอาณาจักรใหม่
กษัตริย์ดาวิดอาจจะไม่ใช่กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิสราเอล แต่การที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดและเป็นที่ยอมรับว่าเป็นกษัตริย์องค์สำคัญที่สุดก็เพราะเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับพระ-เจ้า การปกครองอาณาจักรที่ยังไม่มีเอกภาพและมีข้าศึกรอบด้านเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง แต่ “ดาวิดทำอะไรก็สำเร็จทุกประการ เพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเขา” (1ซมอ 18:14) พระเจ้าทรงสถาปนาพันธสัญญากับดาวิด พันธสัญญาที่ยิ่งใหญ่และจะคงอยู่นิรันดร (2ซมอ 23:1-5) “ราชวงศ์ของเจ้าและอาณาจักรของเจ้าจะดำรงอยู่ต่อหน้าเจ้าอย่างมั่นคงเป็นนิตย์ และบัลลังก์ของเจ้าจะถูกสถาปนาไว้เป็นนิตย์” (2ซมอ 8:16)
ซาโลมอน โอรสองค์หนึ่งของดาวิดได้ครองราชย์สืบต่อมา และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์แห่งความรอดแม้จะไม่เท่าบิดา กษัตริย์ซาโลมอนทรงสร้างพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อเก็บหีบธรรมบัญญัติ ซึ่งได้รับสืบทอดมาแต่บรรพบุรุษคือโมเสส ก่อนนี้หีบดังกล่าวเก็บรักษาไว้ในเต็นท์ ซึ่งถือว่าเป็นที่ที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ วิหารนี้คงถูกทำลายไปพร้อมกับกรุงเยรูซาเล็มในปี 587 โดยชาวบาบิโลเนีย ซึ่งหมายถึงประมาณสี่ร้อยปีหลังจากรัชสมัยของซาโลมอน นับเป็นการสิ้นสุดของการปกครองในระบบราชาธิปไตย สิ้นสุดของอาณาจักรซึ่งเคยยิ่งใหญ่ ชาวอิสราเอลถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยบ้าง หนีกระจัดกระจายไปยังถิ่นที่อื่นๆ บ้าง อิสราเอลและยูดากลายเป็นเมืองขึ้นของบาบิโลน
วิหารที่กรุงเยรูซาเล็มนับเป็นสถานนมัสการที่สำคัญยิ่งในชีวิตของชาวอิสราเอลระหว่างที่ถูกจับเป็นเชลย พวกเขาต่างก็โหยหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ ในปี 538 กษัตริย์ไซรัสได้คืนสิ่งของที่ได้ยึดไปจากพระวิหาร และอนุญาตให้สร้างวิหารขึ้นมาใหม่ ชาวอิสราเอลจึงรวมกันมาตั้งรกรากอยู่รอบๆ กรุงเยรูซาเล็ม ทำให้พระวิหารซึ่งได้รับการอภิเษกในปี 515 เป็นศูนย์รวมกิจกรรมทางศาสนาทั้งหมดของชาวอิสราเอล ต่อมาในปี 445 เนมิยาห์ ข้าหลวงของกษัตริย์แห่งบาบิโลเนียได้สร้างกำแพงรอบกรุงเยรูซาเล็ม จากนั้นได้ร่วมมือกับเอสราซึ่งเป็นผู้นำชาวอิสราเอล ทำการปฏิรูปศาสนาและสังคม ซึ่งเป็นพื้นฐานของศาสนายูดายสืบมา