ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปเคารพ
ที่มา : หนังสือความเชื่ออันเป็นชีวิตของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
ทัศนคติเกี่ยวกับรูปเคารพ
ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมีรูปเคารพ มิใช่เชื่อเรื่องความขลัง ศักดิ์สิทธ์ในตัวพระรูปนั้น แต่มีไว้เพื่อช่วยเหลือเรา มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งผัสสะ เราอาศัยรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ตามอยาตนะทั้ง 5 เพื่อสื่อความในใจ ความรู้สึก ความรักที่เราแสดงออกมาภายนอก บทความต่อไปนี้ แสดงให้เราเห็นถึงความเข้าใจเรื่องรูปเหมือนของพระที่คาทอลิกมีอยู่ในเวลาประกอบพิธีกรรมหรือสวดภาวนา
ศาสนาคริสน์นิกายโรมันคาทอลิกมิได้รังเกียจรูปเหมือนของพระ เช่น พระรูปปูนปั้นพระเยซูเจ้า รูปแม่พระที่พิมพ์ลงบนกระดาษ กางเขนแกะสลักจากไม้ ฯลฯ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยสอนให้คริสตชนกราบไหว้วัตถุมงคล หรือกราบไหว้รูปเหมือนต่างๆ เหล่านั้นว่ามีความขลัง หรือศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง
ถ้าเช่นนั้น หลังพิธีบูชาขอบพระคุณมีพี่น้องจำนวนมากไปคุกเข่าสวดภาวนาอยู่ต่อหน้ารูปแม่พระฟาติมาที่วัดของเรา หรือไปยืนสวดต่อรูปแม่พระตรงถ้ำแม่พระเมืองลูร์ดหน้าวัด... เราจะอธิบายเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร อาจเป็นว่า
1) พี่น้องไปสวดที่รูปแม่พระ เพราะรูปแม่พระที่เป็นปูนปั้นนั้นขลัง ศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์ในตัวเอง...หรือ
2) พี่น้องเห็นภาพคนที่ไปคุกเข่าสวดแล้วด้วยความเชื่อสิ้นสุดจิตใจต่อหน้ารูปแม่พระ แล้วทำให้เรามีความเชื่ออยากเข้าไปสวดบ้าง
...คำตอบข้อ 2 นี่แหละเป็นสาเหตุที่เราไม่รังเกียจรูปเหมือนของพระ เพราะรูปเหมือนของพระอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องรวมกับคนที่มาคุกเข่าสวดด้วยความเชื่อศรัทธาในองค์พระเป็นเจ้า... ในตัวรูปเหมือนปูนปั้นเองไม่มีอิทธิฤทธิ์อะไร แต่พอมีคริสตชนมาคุกเข่าสวดต่อรูปเหมือนนั้น ทันทีก็ก่อให้เกิดความเชื่อ ความหวังแก่ผู้สวดและแก่ผู้พบเห็นอยากเข้าไปสวดบ้าง
บุญราศีพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ทรงเล่าว่า พระองค์ทรงมีความศรัทธาภักดีต่อพระนางมารีย์ เมื่อพระองค์ทรงเข้ารับตำแหน่งพระสันตะปาปา พระองค์เลือกคติพจน์ว่า “TOTUS TUUS” แปลว่า “ข้าพเจ้าถวายตัวเป็นกรรมสิทธิ์แด่ท่านทั้งครบ โอ้ พระแม่มารีย์” และตราประจำตำแหน่งของพระองค์จะมีอักษร M อยู่กับกางเขน อันเป็นอักษรตวแรกของชื่อ มารีย์
พระองค์ทรงเล่าว่า ความศรัทธาต่อแม่พระของพระองค์ เริ่มตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง พระองค์ทรงเป็นกรรมกรทำงานในโรงงาน ประเทศโบแลนด์ บ้านเกิด ก่อนที่จะทรงมาบวชเป็นพระสงฆ์ พระองค์ทรงเริ่มศรัทธาและมีความหวังเมื่อสวดภาวนาวอนขอแม่พระในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบาก ทั้งของส่วนตัวและเพื่อนร่วมชาติที่กำลังมีสงคราม พระองค์ทรงเล่าต่อว่า มีรูปเหมือนแม่พระอยู่รูปหนึ่งในประเทศโปแลนด์ เป็นรูปเก่าๆ ไม่หรูหราอะไร แต่พระพักตร์ของแม่พระก่อให้เกิดอารมณ์แก่ผู้พบเห็น เขาเรียกกันว่า “แม่พระฉวีดำ” (พระแม่แห่งเชสโตชาฟา) ที่มีอิทธพลต่อพระองค์อย่างมาก แม่พระฉวีดำนี้เป็นประดุจราชินีแห่งประเทศโปแลนด์ เพราะคริสตชนในประเทศโปแลนด์มาคุกเข่าสวดวิงวอนขอต่อรูปเหมือนแม่พระฉวีดำนี้นับเป็นร้อยปีมาแล้ว และพระองค์ก็ทรงมีความปรารถนาเสมอทุกครั้งถ้ามีโอกาสกลับบ้านเกิดประเทศโปแลนด์ก็จะเสด็จไปที่เนินเขา จาสนา โกรา (Jasna Gora) เพื่อคุกเข่าสวดต่อหน้าพระรูปแม่พระฉวีดำ เพื่อสวดภาวนาขอพละกำลัง ความหวัง กำลังใจ
พี่น้องคิดว่าภาพเหมือนแม่พระฉวีดำมีอิทธิฤทธิ์ในตัวเองหรือ? หรือเพราะว่ามีคนมาคุกเข่าสวดต่อหน้าพระรูปนี้ นับเป็นเวลาร้อยปีมาแล้ว ที่ทำให้ใครได้พบเห็นภาพความเชื่อศรัทธานี้ ก็อยากมาคุกเข่าสวดภาวนาบ้าง ดังนั้นคริสตชนจึงไม่รังเกียจภาพเหมือนของพระ ด้วยว่าภาพเหมือนของพระก่อให้เกิดความเชื่อศรัทธาในจิตใจผู้คนที่สวดและแก่ผู้ได้มาพบเห็น บางครั้งเราเห็นภาพพี่น้องมาคุกเข่าสวดต่อหน้ารูปแม่พระฟาติมาหลังพิธีบูชาขอบพระคุณแล้วขนลุก รู้สึกถึงความเชื่อในชีวิตผู้คนว่ามีมากเหลือเกิน คนนี้หลังพิธีบูชาขอบพระคุณมาสวดทุกครั้งไม่เคยขาดเลย ความเชื่อของเขามีมากจริงๆ เราอยากเดินเข้าไปคุกเข่าสวดตรงนั้นบ้าง มิใช่รูปพระแม่ขลัง แต่เพราะบัดนี้ความเชื่อบังเกิดในใจผู้คนแล้วต่างหาก บังเกิดในจิตใจของเราที่ได้พบเห็นพี่น้องศรัทธาด้วย
พระสันตะปาปาเสด็จไปสวดต่อหน้ารูปแม่พระฉวีดำทำไม? เพราะรูปนั้นขลังและมีอิทธิฤทธิ์หรือ? เปล่าเลย (อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ เราไม่รู้) แต่ที่พระองค์เสด็จไปสวดก็เพราะที่ตรงนั้นมีคนไปคุกเข่าสวดกันมาเป็นร้อยปีแล้ว มันทำให้ผู้คนเป็นหมื่นเป็นแสนมีความกล้าหาญ กำลังใจที่จะเชื่อศรัทธาในพระต่อไป และพระองค์ก็เป็นคริสตชนคนหนึ่งที่อยากเชื่อ อยากไว้ใจ อยากมีกำลังใจเหมือนกัน เห็นเขาสวดแล้วเราก็มีความเชื่อศรัทธามากขึ้น
เราไม่เชื่อคนที่บอกว่าไม่ต้องไปวัดหรอก พระอยู่ทุกหนแห่ง สวดที่ไหนก็เหมือนกัน จริงอยู่ เราอาจจะสวดที่ไหนก็ได้ แต่เราสวดไม่เป็นหากไม่เริ่มสวดจากที่ไหนสักแห่งหนึ่งก่อน และที่ที่จะเริ่มหัดสวดให้เป็นที่แรกก็คือ วัด คือที่ที่มีพระรูป และเห็นคนเขาสวดกันด้วยความเชื่อ หรือพี่น้องจะหัดสวดที่แรกบนรถเมล์ เราสวดบนรถเมล์ก็ได้ แต่เราเริ่มหัดสวดเป็นจากที่วัดก่อน เห็นความเชื่อศรัทธาของพ่อแม่ เพื่อนบ้าน ครู อาจารย์ พระสงฆ์ หรือซิสเตอร์ บนรถเมล์เราไม่เห็น
สักวันหนึ่งจากวัดนี้ไปแล้วกลับมาเยี่ยม ก็อยากมาคุกเข่าสวดต่อหน้ารูปแม่พระฟาติมา ไม่ใช่เพราะพระรูปขลัง แต่เพราะจำภาพความเชื่อศรัทธาของพี่น้องที่มี และเป็นแบบอย่างแก่เราได้ เราจึงอยากไปคุกเข่าสวดตรงนั้นบ้าง พระรูปจะมีฤทธิ์หรือขยับเขยื้อนได้ก็ไม่สำคัญสำหรับเราอีกแล้ว เพราะความเชื่อและลงมือสวดเมื่อคุกเข่า พระก็สถิตอยู่ในใจของเราแล้ว ไม่ต้องมีรูปปูนปั้นด้วยซ้ำไป
สักวันหนึ่ง รูปแม่พระฟาติมาที่วัดของเราอาจกลายเป็นรูปแม่พระที่มีคนมาสวดนับร้อยปีอย่างแม่พระฉวีดำบ้างก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็มิใช่เรื่องงมงาย แต่ขอให้เป็นภาพประทับใจของเหล่าคริสตชนที่มีความเชื่อ ศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระแม่มารีย์ ให้ลูกหลานและคนยุคถัดมาได้เห็นและกลับใจ อยากกลับไปบ้านค้นหารูปพระหฤทัยพระเยซูเจ้าและแม่พระ ที่เราเห็นแม่แขวนไว้ที่ข้างฝาตั้งแต่เด็กๆ พวกเราสวดต่อหน้ารูปนี้ทุกวัดตั้งแต่เล็ก เราหัดสวดเป็นต่อหน้ารูปพระนี้ก่อน เดี๋ยวนี้เราจึงยืนสวดที่ไหนก็ได้
ขอพี่น้องจงมีทัศนคติการมองโลก และการเข้าใจชีวิตคริสตชนให้กว้างขวางขึ้น