แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ปรีชาญาณและความโง่เขลา
    9สอนคนโง่เขลาก็เหมือนนำเศษหม้อดินที่แตกแล้วมาต่อให้ติดกัน
    หรือเหมือนปลุกคนที่นอนหลับสนิทให้ตื่นขึ้น
    10การสนทนากับคนโง่เขลาก็เหมือนพูดกับคนที่นอนหลับ
    เมื่อพูดจบเรื่อง เขาก็จะถามว่า “พูดเรื่องอะไร”
    11จงร้องไห้ไว้ทุกข์ให้คนตาย เพราะเขาสูญเสียความสว่าง
    จงร้องไห้สงสารคนโง่เขลาb เพราะเขาสูญเสียสติสัมปชัญญะ
    จงร้องไห้ไว้ทุกข์ให้ผู้ตายน้อยกว่า เพราะเขาได้พักผ่อนแล้ว
    แต่ชีวิตของคนโง่เขลาเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
    12สำหรับผู้ตาย ไว้ทุกข์เจ็ดวันก็เพียงพอ
    แต่สำหรับคนโง่เขลาและคนอธรรม ต้องไว้ทุกข์ให้ทุกวันตลอดชีวิตของเขา
    13อย่าเสียเวลาพูดกับคนโง่เขลา
    อย่าเดินไปกับคนเบาปัญญา
    จงระวังให้ดี จะได้ไม่มีปัญหา
    ท่านจะได้ไม่มีมลทินเมื่อติดต่อกับเขา
    จงหลีกหนีห่างเขาไว้ แล้วท่านจะมีความสงบ
    ท่านจะไม่ต้องเบื่อหน่ายเพราะความโง่เขลาของเขา
    14สิ่งใดเล่าหนักกว่าตะกั่ว
    แล้วคนโง่เขลาจะได้ชื่ออะไรนอกจากชื่อ “คนโง่เขลา”
    15แบกทราย เกลือ ก้อนเหล็ก
    ก็ยังง่ายกว่าทนคนโง่เขลา
    16ขื่อคานเมื่อตอกติดกับบ้าน
    แม้แผ่นดินไหวก็ไม่หลุดฉันใด
    จิตใจที่ตัดสินเด็ดเดี่ยวเพราะไตร่ตรองอย่างดีแล้ว
    ก็จะไม่หวั่นไหวเมื่อมีอันตรายฉันนั้น
    17จิตใจที่มั่นคงเพราะได้ไตร่ตรองอย่างฉลาดรอบคอบแล้ว
    เป็นเหมือนปูนฉาบcบนกำแพงเรียบ
    18หินก้อนเล็กๆdวางบนกำแพงสูงจะต้านลมไม่ได้ฉันใด
    จิตใจคนโง่เขลาที่กลัวแม้ความคิดของตนก็จะต้านความกลัวใดๆไม่ได้ฉันนั้น