แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 4:1-13)                                 

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมทรงพระดำเนินจากแม่น้ำจอร์แดน พระจิตเจ้าทรงนำพระองค์ไปยังถิ่นทุรกันดาร ทรงถูกปีศาจผจญเป็นเวลาสี่สิบวัน ตลอดเวลานั้นพระองค์มิได้เสวยสิ่งใดเลย ในที่สุด ทรงหิว ปีศาจจึงทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงสั่งให้หินก้อนนี้กลายเป็นขนมปังเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่ามนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น” ปีศาจจึงนำพระองค์ไปยังที่สูงแห่งหนึ่ง แสดงให้พระองค์ทอดพระเนตรอาณาจักรต่าง ๆ ของโลกทั้งหมดในคราวเดียว และทูลพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะให้อำนาจและความรุ่งเรืองของอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแก่ท่าน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้ผู้ใดก็ได้ตามความปรารถนา ดังนั้น ถ้าท่านกราบนมัสการข้าพเจ้า ทุกสิ่งจะเป็นของท่าน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีศาจว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น’”

ปีศาจนำพระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม วางพระองค์ลงที่ยอดพระวิหาร แล้วทูลว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า จงกระโจนลงไปเบื้องล่างเถิด เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘พระเจ้าจะทรงสั่งทูตสวรรค์ให้พิทักษ์รักษาท่าน’ และยังมีเขียนอีกว่า ‘ทูตสวรรค์จะคอยพยุงท่านไว้มิให้เท้ากระทบหิน’” แต่พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีศาจว่า มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย” เมื่อปีศาจทดลองพระองค์ทุกวิถีทางแล้ว จึงแยกจากพระองค์ไป รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม 


ลก 4:1-13  เวลาสี่สิบวันในที่เปลี่ยวที่พระคริสตเจ้าทรงถูกปีศาจประจญเตือนเราให้ระลึกถึงเวลาสี่สิบปีที่โมเสสและชาวอิสราเอลเดินทางอยู่ในทะเลทราย หมายเลขสี่สิบในทั้งสองกรณีเป็นสัญลักษณ์ถึงเวลาแห่งการเตรียมตัวที่ชาวอิสราเอลเตรียมเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา และที่พระคริสตเจ้าทรงเตรียมเข้าสู่พันธกิจสาธารณะของพระองค์ การประจญของพระคริสตเจ้าจึงเป็นเรื่องคู่ขนานกับประสบการณ์ของชาวอิสราเอล ที่ซึ่งชาวอิสราเอลพ่ายแพ้ต่อการประจญในที่เปลี่ยวไปกราบไหว้วัวทองคำ แต่พระคริสตเจ้าทรงอุทิศพระองค์ทำให้พระประสงค์ของพระบิดาสำเร็จไปอย่างสมบูรณ์โดยทรงอธิษฐานภาวนาและจำศีลอดอาหาร เหตุนี้พระองค์จึงทรงเอาชนะการประจญของปีศาจในที่เปลี่ยว   

พระเยซูเจ้าทรงถูกทดลอง

CCC ข้อ 538 พระวรสารเล่าว่าทันทีหลังจากทรงรับพิธีล้างจากยอห์นแล้ว พระองค์เสด็จไปประทับในถิ่นทุรกันดารอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง “พระจิตเจ้าทรงดลให้พระองค์เสด็จเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร” (มก 1:12) และประทับอยู่ที่นั่นสี่สิบวันโดยไม่เสวยสิ่งใดเลย ทรงอยู่กับสัตว์ป่าและบรรดาทูตสวรรค์ปรนนิบัติรับใช้พระองค์เมื่อจบช่วงเวลานี้ ปีศาจมาทดลองพระองค์สามครั้ง พยายามตั้งคำถามให้ทรงสงสัยความสัมพันธ์ของพระองค์กับพระเจ้าในฐานะพระบุตร พระเยซูเจ้าทรงตอบโต้การจู่โจมเหล่านี้ซึ่งเป็นเหมือนการรื้อฟื้นการถูกทดลองของอาดัมในสวนอุทยานและของอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร ในที่สุดปีศาจแยกจากพระองค์ไป “รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม” (ลก 4:13)    

CCC ข้อ 539 บรรดาผู้นิพนธ์พระวรสารอธิบายว่าเหตุการณ์ลึกลับนี้มีความหมายเกี่ยวกับความรอดพ้น  พระเยซูเจ้าในฐานะอาดัมคนใหม่ยังคงซื่อสัตย์ในเมื่ออาดัมคนแรกได้พ่ายแพ้การผจญ พระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติตามการเรียกอิสราเอลอย่างสมบูรณ์ ขณะที่อิสราเอลได้ท้าทายพระเจ้าเมื่อเดินทางในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสี่สิบปี พระคริสตเจ้ากลับทรงแสดงพระองค์เป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่เชื่อฟังปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเต็มที่ พระเยซูเจ้าทรงพิชิตปีศาจในเรื่องนี้ พระองค์ทรงมัดคนเข้มแข็งนั้นไว้เพื่อจะปล้นเอาทรัพย์ของเขาไปได้ชัยชนะของพระเยซูเจ้าเหนือปีศาจผู้มาผจญในถิ่นทุรกันดารบอกล่วงหน้าถึงชัยชนะแห่งพระทรมาน ซึ่งเป็นการแสดงการเชื่อฟังอย่างสูงสุดด้วยความรักเยี่ยงบุตรต่อพระบิดา    

CCC ข้อ 540 การที่พระเยซูเจ้าทรงถูกทดลองแสดงให้เห็นวิธีการที่พระบุตรของพระเจ้าทรงเป็นพระเมสสิยาห์ตรงข้ามกับวิธีการที่ปีศาจและมนุษย์เสนอแนะพระองค์ให้ทรงกระทำ เพราะเหตุนี้พระคริสตเจ้าจึงทรงพิชิตผู้ผจญแทนเรา “เราไม่มีมหาสมณะที่ร่วมทุกข์กับเราผู้อ่อนแอไม่ได้ แต่เรามีมหาสมณะผู้ทรงผ่านการผจญทุกอย่างเหมือนกับเรายกเว้นบาป” (ฮบ 4:15) ทุกๆ ปี พระศาสนจักรร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้าในถิ่นทุรกันดารตลอดเวลาสี่สิบวันของเทศกาลมหาพรตที่ยิ่งใหญ่    


ลก 4:5-6  ซาตานทึกทักเอาเองว่า “อาณาจักรต่างๆ ของโลกทั้งหมด” และ “อำนาจและความรุ่งเรืองของอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมด” เป็นของตนเอง แต่พระคริสตเจ้าทรงต่อต้านซาตานและทรงนำโลกคืนสู่พระบิดาของพระองค์ ในพิธีกรรมหลังจากบทข้าแต่พระบิดาฯ จะตามด้วยบทเพลงสรรเสริญที่กล่าวว่า “พระอาณาจักร พระอานุภาพ พระสิริรุ่งโรจน์เป็นของพระองค์ตลอดนิรันดร”    

บทยอพระเกียรติสุดท้าย

CCC ข้อ 2855 บทยอพระเกียรติสุดท้าย “เหตุว่า พระอาณาจักร พระอานุภาพ และพระสิริรุ่งโรจน์ เป็นของพระองค์” ซ้ำคำวอนขอต่อพระบิดาสามข้อแรกเป็นการสรุปปิดท้าย เป็นการสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระนาม การมาถึงของพระอาณาจักร และพระอานุภาพแห่งพระประสงค์ที่จะทรงช่วยให้รอดพ้นของพระองค์ ถึงกระนั้น การกล่าวซ้ำเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งเป็นการกล่าวในรูปแบบของการนมัสการและขอบพระคุณ เหมือนกับในพิธีกรรมในสวรรค์ เจ้าแห่งโลกนี้กล่าวมุสาอ้างทั้งสามตำแหน่งนี้เป็นของตน คือตำแหน่งกษัตริย์ อานุภาพ และสิริรุ่งโรจน์ พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงคืนตำแหน่งเหล่านี้แด่พระบิดาของพระองค์และพระบิดาของเรา จนกว่าพระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรคืนแด่พระบิดาเมื่อพระธรรมล้ำลึกแห่งความรอดพ้นจะสำเร็จสมบูรณ์อย่างเด็ดขาด และพระเจ้าจะทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน   


ลก 4:8  ดังที่พระบัญญัติประการที่หนึ่งสั่งให้นมัสการพระเจ้า บทภาวคริสตชนอันดับแรกที่เราสวดก็คือ บทแสดงความเชื่อต่อพระเจ้าแต่ผู้เดียวเท่านั้น     

พระบัญญัติประการแรก - จงการนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านและรับใช้พระองค์

CCC ข้อ 2084 พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ให้เป็นที่รู้จักโดยทรงเตือนให้ระลึกถึงกิจการทรงสรรพานุภาพ แสดงพระทัยดีที่ช่วยให้รอดพ้นในประวัติศาสตร์ของประชากรที่พระองค์ทรงมุ่งหาว่า “เรา […] เป็นผู้นำท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ให้พ้นจากการเป็นทาส” (ฉธบ 5:6) พระวาจาคำแรกบรรจุพระบัญญัติประการแรก “ท่านจะต้องยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน ท่านจะต้องกราบไหว้พระองค์ […] เท่านั้น ท่านจะต้องไม่ติดตามเทพเจ้าอื่น” (ฉธบ 6:13-14) การเรียกและข้อเรียกร้องที่ยุติธรรมประการแรกของพระเจ้าก็คือให้มนุษย์ยอมรับและนมัสการพระองค์   

การนมัสการพระเจ้า

CCC ข้อ 2096 การนมัสการเป็นกิจกรรมแรกของคุณธรรมการนับถือศาสนา การนมัสการพระเจ้าคือการยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ทรงเป็นพระผู้เนรมิตสร้างและพระผู้ช่วยให้รอดพ้น ทรงเป็นเจ้านายปกครองสรรพสิ่งที่มีความเป็นอยู่ ทรงเป็นความรักและผู้ทรงเมตตาไร้ขอบเขต พระเยซูเจ้าได้ตรัสโดยทรงยกข้อความจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ (ฉธบ 6:13) ว่า “จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านและรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น” (ลก 4:8)     


ลก 4:9  จงกระโจนลงไปเบื้องล่างเถิด : การประจญเป็นการทดสอบพระอานุภาพและพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้า กล่าวคือ เป็นการวอนขอพระเจ้าให้ทรงแสดงความรักและการดูแลของพระองค์โดยเอาตนเองเข้าเสี่ยงภัย แทนที่จะประจญพระเจ้า จะเป็นการดีกว่าที่ผู้เชื่อควรจะใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่เพื่อดำเนินชีวิตตามหลักศีลธรรมและเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายที่น่ายกย่อง    

การไม่มีศาสนา

CCC ข้อ 2119 การทดลองพระเจ้าเป็นการนำความดีและพระสรรพานุภาพของพระองค์มาทดสอบด้วยวาจาหรือกิจการ ปีศาจต้องการได้รับผลเช่นนี้จากพระเยซูเจ้า คือต้องการให้พระองค์ทรงกระโดดลงไปจากยอดพระวิหาร และทรงบังคับให้พระเจ้าทรงทำงานในการกระทำเช่นนี้ แต่พระเยซูเจ้าทรงนำพระวาจาของพระเจ้ามาตอบโต้ว่า “อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านเลย” (ฉธบ 6:16) การท้าทายที่อยู่ในการทดลองพระเจ้าเช่นนี้เป็นการทำผิดต่อความเคารพและความไว้วางใจที่เราต้องมีต่อพระผู้ทรงเนรมิตสร้างและองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา รวมทั้งความสงสัยถึงความรัก พระญาณเอื้ออาทร และพระอานุภาพของพระองค์อยู่เสมอ   


ลก 4:13  จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม : เราจะพบปีศาจนี้อีกครั้งในสวนเกทเสมนี โดยมันใช้โอกาสของธรรมชาติมนุษย์ที่กลัวความทุกข์ทรมานมาประจญพระคริสตเจ้าเพื่อให้หลีกเลี่ยงแผนการของพระเจ้าที่จะเผชิญกับการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน    

CCC ข้อ 538 อ่านเพิ่มเติมด้านบน (ลก 4:1-13)      

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)