เพลงสดุดีที่ 66
บทเพลงขอบพระคุณพระเจ้า
ภาคแรกและภาคที่สองของ สดด บทนี้มีความแตกต่างกันมาก ภาคแรกเป็นการขอบพระคุณที่ประชากรอิสราเอลถวายแด่พระเจ้า ส่วนภาคที่สองเป็นคำอธิษฐานภาวนาส่วนตัวเมื่อถวายบูชาของพระคุณ ผู้รู้หลายท่านจึงคิดว่า สดด บทนี้เป็นการรวมบทเพลงสดุดีสองบทเข้าด้วยกัน แต่บางท่านก็ว่าการเปลี่ยนสรรพนามจากพหูพจน์เป็นเอกพจน์เป็นข้อพิสูจน์ว่า สดด บทนี้เป็นการขอบพระคุณของอิสราเอลทั้งชาติ โดยมีกษัตริย์ในฐานะผู้แทนของประชากรเป็นผู้นำการภาวนา แต่คำอธิบายง่ายๆ น่าจะเป็นว่าภาคที่สองของ สดด บทนี้เป็นคำอธิษฐานภาวนาส่วนตัวเมื่อมีการถวายบูชาขอบพระคุณ ในบริบทของพิธีกรรมส่วนรวมของชุมชนทั้งชาติ ในฐานะคริสตชน เราต้องร่วมใจกันเป็นชุมชนเมื่อขอบพระคุณพระเจ้า สำหรับพระพรที่พระองค์ประทานให้เราในองค์พระคริสตเจ้า ไม่ว่าสำหรับพระพรที่ได้รับเป็นส่วนรวมหรือที่เราแต่ละคนได้รับเป็นส่วนตัว
สำหรับหัวหน้านักขบร้อง บทเพลง เพลงสดุดี
1 แผ่นดินทั้งมวลเอ๋ย จงโห่ร้องสรรเสริญพระเจ้าเถิด
2 จงร้องเพลงสดุดีสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระนามของพระองค์
จงถวายพระเกียรติแด่พระองค์ด้วยถ้อยคำสรรเสริญ
3 จงทูลพระเจ้าเถิดว่า "พระราชกิจของพระองค์ช่างน่าเกรงขาม
พระอานุภาพช่างยิ่งใหญ่
แม้กระทั่งศัตรูยังก้มลงเฉพาะพระพักตร์
4 แผ่นดินทั้งมวลกราบนมัสการพระองค์
ร้องเพลงสดุดีแด่พระองค์ ร้องเพลงสดุดีสรรเสริญพระนามของพระองค์"
(หยุดสักครู่หนึ่ง)
5 มาเถิด จงดูพระราชกิจของพระเจ้า
การกระทำของพระองค์ต่อบุตรมนุษย์ช่างน่าพิศวง
6 พระองค์ทรงเปลี่ยนท้องทะเลเป็นแผ่นดินแห้ง
ทรงให้เขาทั้งหลายเดินข้ามแม่น้ำไป
ดังนั้น เราจงยินดีในพระเจ้าเถิด
7 พระองค์ทรงปกครองด้วยพระอานุภาพตลอดกาล
พระเนตรเฝ้าดูนานาชาติ
เพื่อคนกบฏจะไม่ลุกขึ้นต่อสู้กับพระองค์
(หยุดสักครู่หนึ่ง)
8 ประชาชาติทั้งหลาย จงถวายพระพรแด่พระเจ้าของเรา
ให้ได้ยินเสียงสรรเสริญพระองค์ดังกึกก้อง
9 พระองค์ทรงรักษาชีวิตของเราไว้
ไม่ทรงอนุญาตให้เท้าของเราสะดุด
10 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทดสอบข้าพเจ้าทั้งหลาย
ทรงใช้ไฟทดสอบข้าพเจ้าทั้งหลายเหมือนทรงถลุงแร่เงิน
11 ทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายติดกับดัก
ทรงวางภาระหนักไว้บนบ่าข้าพเจ้าทั้งหลาย
12 ทรงปล่อยให้ผู้คนขี่ม้าเหนือศีรษะข้าพเจ้าทั้งหลาย
ข้าพเจ้าทั้งหลายเดินดำน้ำลุยไฟ
แต่ในที่สุดก็ทรงนำออกมายังที่ปลอดภัย
13 ข้าพเจ้าจะนำเครื่องเผาบูชาเข้ามาถวายถึงบ้านของพระองค์
เพื่อแก้บนตามคำสัญญาที่ให้ไว้
14 เป็นคำสัญญาที่ออกจากปากของข้าพเจ้า
เป็นถ้อยคำที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ในยามทุกข์ร้อน
15 ข้าพเจ้าจะถวายสัตว์อ้วนพีเป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระองค์
พร้อมกับควันหอมจากแกะเพศผู้
ข้าพเจ้าจะถวายโคและแพะเพศผู้เป็นเครื่องเผาบูชา
(หยุดสักครู่หนึ่ง)
16 ท่านทั้งหลายที่ยำเกรงพระเจ้า จงมาและจงฟังเถิด
ข้าพเจ้าจะบอกเล่าสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อข้าพเจ้า
17 ข้าพเจ้าร้องเสียงดังเรียกหาพระองค์
คำสรรเสริญอยู่ในปากข้าพเจ้า
18 ถ้าข้าพเจ้าฟูมฟักความชั่วร้ายไว้ในใจ
องค์พระผู้เป็นเจ้าคงไม่ทรงฟังข้าพเจ้า
19 แต่พระเจ้ากลับทรงฟัง
ทรงตั้งพระทัยฟังเสียงข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา
20 ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า
พระองค์ไม่ทรงปฏิเสธคำภาวนาของข้าพเจ้า
ไม่ทรงถอนความรักมั่นคงของพระองค์จากข้าพเจ้า