แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

สมโภชพระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล


HP Christ King 07ถ้าเราจะต้องบรรยายว่าพระเยซูเจ้าหมายถึงอะไรสำหรับคริสตชน เราคงจะทำได้ด้วยการใช้คำพูดที่คุ้นเคยกับพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็น "ผู้นำ"  ของประเทศชาติ ไม่ว่าในฐานะเป็นกษัตริย์ เนื่องจากว่าผู้นำกษัตริย์เป็นบุคคลเดียวกันในพระคัมภีร์

ความเป็นความตายขององค์กรขึ้นอยู่กับการมีผู้นำที่มีความสามารถ เรามีประสบการณ์ในเรื่องนี้  แม้กระทั่งในเขตวัดของเราเอง ในระดับท้องถิ่น  และระดับชาติ  เราจึงทดสอบความสามารถในการเป็นผู้นำของผู้สมัครเป็นผู้แทน เราฟังคำปราศรัยของพวกเขาอดีตของพวกเขาถูกนำมาตรวจสอบ ถ้าพวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตและทำงานดี เราจึงเลือก

การเป็นผู้นำในระบอบการปกครองของพระเจ้ามาจากพระเจ้า และไม่ถูกเลือกจากหน่วยเลือกตั้งใดๆ เนื่องจากพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ  ทรงเป็นมนุษย์ที่มีพระเจ้าประทับอยู่แบบที่ว่าทรงได้รับชื่อว่าเป็น  "บุตรของพระเจ้า"  เราจึงไม่ต้องห่วง เกี่ยวกับความซื่อสัตย์และความสามารถของพระองค์  "พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้าที่เรามองไม่เห็น" บัดนี้พระเยซูเจ้าผู้ทรงดำรงชีวิตและ "ประทับเบื้องขวาของพระเจ้า"  ทรงเป็นผู้นำของทุกคนผู้กำลังพยายามทำให้อาณาจักรของพระเจ้าเป็ฯจริงขึ้นมาในตัวเขาและพี่น้อง

การปกครองของพระเยซูเจ้าในฐานะกษัตริย์ที่เริ่มขึ้นพร้อมกับการกลับคืนพระพระชนม์ชีพของพระองค์ จะคงอยู่ต่อไปจนถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระองค์ ในวันนั้น  พระองค์จะทรงมอบอาณาจักรแด่พระบิดา อาณาจักรของความศักดิ์สิทธิ์และพระหรรษทาน  อาณาจักรของความยุติธรรม ความรักและสันติ  ทุกสิ่งจะปรากฏแจ้งในการเสด็จกลับมาอีกครั้งของพระองค์ในการตัดสินดี - ชั่ว  ภาพการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้าในความรุ่งโรจน์ นักบุญมัทธิวได้เห็นนถึงแก่นความคิดของคำสอนเชิงจริยธรรมของพระเยซูเจ้า ผู้ได้รับการแนะนำว่าทรงเป็นกษัตริย์  และผู้พิพากษา ซึ่งนักบุญมัทธิวได้แสดงให้เห็นในพระวรสารว่า  :  

"เวลานั้น  พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกศิษย์ว่า "เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาพร้อมด้วยมหิทธานุภาพ  มีขบวนนิกรเทวดาห้อมล้อม   พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์  บรรดาประชาชาติมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ แล้วพระองค์จะทรงแบ่งพวกเขาออกเป็นสองพวก  ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะให้แกะอยู่เบื้องขวาส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย

แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า  "เชิญมาเถิด พวกท่านที่ได้รับพระพรจากพระบิดา  เชิญมาครอบครองเหนืออาณาจักร ที่เตรียมไว้ให้พวกท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก  เพราะเมื่อเราหิว  ท่านก็ให้เรากิน เรากระหายท่านก็ให้เราดื่ม  เราเป็นแขกไป ท่านก็ต้อนรับเรา เราไม่มีนุ่งไม่มีห่มท่านก็ให้  เราเจ็บไข้ได้ป่วยท่านก็มาเยี่ยม เราติดคุก  ท่านก็มาหา

บรรดาผู้ชอบธรรมจึงทูลว่า "พระเจ้าข้า  เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วได้ถวายพระกายาหาร  เมื่อไรเล่าที่ทรงกระหายแล้วข้าพเจ้าทั้งหลายได้ถวายให้ทรงดื่ม ทรงเป็นแขกเมื่อไร  ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงได้ต้อนรับ เห็นพระองค์ไม่มีนุ่งไม่มีห่มเมื่อไรเล่า ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงได้ถวายเครื่องนุ่งห่ม ทรงเจ็บไข้ได้ป่วยหรือทรงติดคุกเมื่อไร  ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงไปเยี่ยม

พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า "เราขอยืนยันว่า  พวกท่านที่ปฏิบัติต่อพี่น้องแม้ที่ต่ำต้อยของเราครั้งใด ก็เท่ากับปฏิบัติต่อเรา

ครั้นแล้วจะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า  เจ้าชาติชั่วถอยไปให้พ้น ลงไปในไฟนิรันดร ที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจกับพรรคพวกของมัน เพราะเมื่อเราหิวเจ้าไม่ได้ให้อะไรเรากิน  เรากระหายเจ้าไม่ให้อะไรเราดื่ม  เราเป็นแขกไปเจ้าก็ไม่ต้อนรับ  เราไม่มีนุ่งไม่มีห่มเจ้าก็ไม่ได้ให้  เราเจ็บไข้ได้ป่วยและอยู่ในคุกเจ้าก็ไม่ได้มาเยี่ยม
พวกนั้นจึงทูลว่า "พระเจ้าข้า  เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิวกระหาย เป็นแขกมาเมื่อไหร่ไม่มีนุ่งไม่มีห่ม  เจ็บไข้ได้ป่วยหรืออยู่ในคุกเจ้าก็ไม่ได้ช่วยเหลือ?

พระมหากษัตริย์จะทรงตอบว่า  "เราขอยืนยันว่า ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ได้ปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยคนใดคนหนึ่งนี้ พวกเจ้าก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเรา

แล้วพวกนี้ก็จะไปรับทรมานตลอดนิรันดร  ส่วนคนชอบธรรมก็จะรับไปชีวิตนิรันดร"   (มธ.25:31 - 46)
พระวรสารที่เกี่ยวกับการพิพากษานี้ถือเป็นจุดสุดท้ายของปีพิธีกรรม  เราควรพิจารณาตนเอง  การพิพากษาครั้งสุดท้ายจะไม่เป็นการจบสิ้น แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับผู้ที่ได้ติดตามการเป็นผู้นำของพระเยซูเจ้า  ฟังปละปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์  ถวายกิจการต่างๆ ที่เรากระทำทุกวันแด่พระองค์  เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์

สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่  11  ทรงตรัสไว้ว่า "พระเยซูเจ้าคือพระมหากษัตริย์ของเรา  พระองค์ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง บรรดาเทวดาในสวรรค์ยังต้องกราบนมัสการพระองค์  สาอะไรกับเรามนุษย์  ยิ่งต้องกราบถวายสามิภักดิ์  และเคารพ  เชื่อฟังพระองค์เยี่ยงข้าบริการที่ซื่อสัตย์ของพระองค์"

นักุญเปาโลกล่าวว่า "พระเยซูเจ้าทรงเป็นศรีษะแห่งพระวรกายอันได้แก่  พระศาสนจักร คือพระองค์ทรงเป็นปฐมเหตุ บุคคลแรกที่กลับคืนพระชนม์ชีพจากบรรดาผู้ตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงอภิสิทธิ์เหนือสรรพสิ่ง"  (คส.1:18)
"พระอาณาจักรของพระองค์จงมาถึง" ในหนังสืออริเจ็นกล่าวถึงการภาวนาตอนนี้ว่า :

"ตามพระวาจาพระผู้ไถ่ของเรา "อาณาจักรของพระเป็นเจ้า  มิได้มาถึงตามแบบที่เราจะเห็นได้ ไม่มีใครจะพูดได้ว่า  ดูซิอยู่นี่แล้ว  หรืออยู่นั่นแน่ะ  เหตุว่าอาณาจักรของพระเป็นเจ้าอยู่ในตัวเราเอง  พระวาจาของพระเจ้าอยู่ใกล้เรามาก อยู่บนริมฝีปากและในใจของเรา   "จึงเห็นได้ชัดว่าเมื่อคนใดคนหนึ่ง  ภาวนาขอให้พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้ามาถึง  เขาจึงภาวนาอย่างที่เขาควรภาวนา เพื่อว่าพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า  ซึ่งอยู่ในเขาจะได้ปรากฏออกมา  เจริญขึ้นและเติบโตเต็มที่ นักบุญทุกท่าน สังกัดอยู่ในพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า  และปฏิบัติตามกฎหมายฝ่ายจิตของพระเป็นเจ้า  ผู้ประทับอยู่ในท่านเหมือนในนคร ที่มีการปกครองเป็นระเบียบเรียบร้อยดี พระบิดาสถิตอยู่ในท่าน  และพระคริสตเจ้าทรงครองราชย์ร่วมกับพระบิดา ในวิญญาณของผู้ที่บรรลุถึงความครบครันดังที่พระองค์ตรัสว่า "เราจะมาหาเขา  และจะพำนักอยู่ในตัวเขา"

สำหรับพวกเรา ที่รีบรุดหน้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน อาณาจักรของพระเป็นเจ้า ซึ่งอยู่ในเราจะบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ เมื่อวาจาของท่านอัครสาวกสำเร็จไป  คือเมื่อพระคริสตเจ้าได้ทรงปราบศัตรู ให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์แล้ว  จะทรงมอบอาณาจักรแด่พระบิดาเจ้าเพื่อพระเป็นเจ้าจะได้เป็นทุกสิ่งสำหรับทุกคน  ดังนั้นเมื่อเราภาวนาอย่างไม่ว่างเว้น  ด้วยจิตตารมณ์ ซึ่งพระวจนาตถ์ทรงบันดาลในใจเรา  ให้เราทูลพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์ว่า  "พระนามจงเป็นที่สักการะ  พระอาณาจักรจงมาถึง"

ในเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าเราต้องเข้าใจว่า  โดยเหตุที่  "ความชอบธรรมและความอธรรม  จะเคียงคู่กันไปไม่ได้ ความสว่างกับความมืดจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ พระคริสตเจ้ากับเบเลียลจะเข้ากันไม่ได้" อาณาจักรแห่งบาปจึงคงอยู่ร่วมกับอาณาจักรของพระเป็นเจ้าไม่ได้

ถ้าเราอยากมีพระเป็นเจ้า  เป็นผู้ครองราชย์เหนือเรา  ก็อย่าให้บาปครองร่างกายอันรู้ตายของเรา  เราต้องทำลายสิ่งที่เป็นโลกนี้ในเรา และบังเกิดผลในพระจิตเจ้า เพื่อพระเป็นเจ้าจะได้ทรงดำเนินในเรา  เหมือนในอุทยานและครองราชย์ในเรา

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเราแต่ละคน  และศัตรูสุดท้ายของเราคือความตาย ก็จะถูกทำลายไปด้วย พระคริสตเจ้าจึงจะตรัสในตัวเราว่า "ความตายพิษสงของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า?  ความตายชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน?"  บัดนี้จงให้สิ่งที่เสื่อมสลายได้ในตัวเรา สวมใส่ความศักดิ์สิทธิ์   และความไม่เสื่อมสลายให้สิ่งที่ตายได้สวมใส่อมรภาพของพระบิดา  เมื่อความตายถูกทำลายไปแล้ว  พระเป็นเจ้าจะได้ครองราชย์เหนือเรา และจะได้ดำรงชีวิต  ในพระคุณแห่งการบังเกิดใหม่  และการกลับคืนชีพตั้งแต่บัดนี้"

ที่มา หนังสือวันฉลองของพระเยซูเจ้า