แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

8. ความไม่เกี่ยวข้องกับทางโลก
    เราอยู่อย่างยากจนตลอดชีวิตของเรา เราเกิดในถ้ำเลี้ยงสัตว์, นอนในรางหญ้า และห่อหุ้มกายด้วยผ้าที่ไม่มีความงามใดๆ ในวัยเยาว์เราต้องอดทนต่อความไม่สะดวกสบายต่างๆ และความยากลำบากในการไปอยู่ต่างถิ่น ความยากจนตลอดทั้งชีวิตของเราช่างยิ่งใหญ่ จนกระทั่งเราสามารถกล่าวได้อย่างแท้จริงว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ” (มธ 8:20)
    จุดประสงค์ของเราคือ เพื่อสอนท่านว่า เราให้ความสำคัญกับโลกนี้และสินทรัพย์ทุกอย่างบนโลกน้อยเพียงใด และเราปรารถนาให้ศิษย์ของเราทุกคน โดยเฉพาะพระสงฆ์ของเราซึ่งเป็นที่รักและโปรดปรานของเราได้ปฏิบัติตามแบบอย่างของเรามากเพียงใด ท่านอาจจะโต้แย้งตามความเข้าใจผิดแบบโลกของท่าน ว่ายิ่งท่านมีสมบัติต่างๆ และเงินทองมากเพียงใด ท่านยิ่งมีความสุขความสำเร็จมากเท่านั้น แต่การหลอกลวงนี้ไม่สามารถต้านทานความเฉลียวฉลาดของแบบอย่างของเราได้
    พึงสังเกตว่า สิ่งสำคัญที่สุดในบรรดานักบุญของเราและบรรดาผู้ที่ปฏิบัติสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า คือดำเนินชีวิตอย่างยากจน ยิ่งพวกเขาทำให้ตนเองเด่นในเรื่องความยากจนมากเท่าใด พวกเขายิ่งส่งเสริมสิริรุ่งโรจน์ของเราได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น เราสร้างทุกสิ่งจากความไม่มีอะไรเลย และนี่เป็นวิธีการธรรมดาของงานแห่งญาณที่อาทรของเรา ดังนั้น ท่านควรรักความยากจนพร้อมทั้งเจริญชีวิตด้วยความรู้สึกที่ไม่หมกมุ่นอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง และอย่างน้อยที่สุดในความรู้สึกรักใคร่ของท่าน อย่าสนใจการสูญเสียใดๆ และพร้อมที่จะอดทนกับทุกๆ สิ่งที่จำเป็น ถ้าท่านสามารถขจัดความรู้สึกหมกมุ่นในสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ ท่านก็จะไม่ขาดแคลนสิ่งที่จำเป็นสำหรับท่าน ยิ่งกว่านั้น พรมากมายของเราที่มีให้ท่านจะยังเพิ่มขึ้นตามความรู้สึกที่ไม่ผูกพันของท่าน
    โดยการคิดคำนึงตามการสอนของเรา ท่านจะเข้าใจว่า ยิ่งผู้รับใช้ของเราไว้วางใจเรามากเท่าใด เรายิ่งมีความกรุณาต่อเขามากเท่านั้น พึงระลึกถึงเมื่อเราถามบรรดาศิษย์ของเราว่า “เมื่อเราส่งท่านทั้งหลายไปโดยไม่มีถุงเงิน ไม่มีย่าม ไม่มีรองเท้า ท่านขาดแคลนสิ่งใดบ้าง” เขาเหล่านั้นตอบว่า “ไม่ขาดสิ่งใดเลย” (ลก 22:35-36) แท้จริงแล้ว ความเห็นแก่ตัวของท่านเช่นนั้นก็ไม่ได้กีดขวางการได้รับสิ่งตอบแทนเพื่อการดำรงชีวิตจากผลในงานแพร่ธรรมของท่าน ดังที่ศิษย์ของเราเป็นพยานในนามของเรา (1คร 9:7) อย่างไรก็ตาม อย่าทำสิ่งใดด้วยความมุ่งหมายเพียงรางวัลทางโลกเท่านั้น ในศาสนบริการของท่าน ท่านไม่ควรมีจุดประสงค์อื่นใด แต่เพื่อการถวายเกียรติแด่เรา ท่านอาจจะได้รับการตอบแทนทางด้านวัตถุ เพื่อทำให้ความต้องการของท่านบรรลุผล แต่นั่นไม่ควรเป็นจุดประสงค์หลัก หรือแม้แต่จุดประสงค์รองของท่าน เช่นเดียวกับที่ท่านสามารถสังเกตเห็น ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์และเป็นที่รักกระทำหน้าที่ของเขาอย่างดีที่สุดเพียงเพื่อให้นายของเขาพอใจ โดยไม่สนใจค่าจ้างที่เขาจะได้รับ
    ไม่เป็นที่น่ายกย่องเลยถ้าท่านให้จุดประสงค์รองนี้เข้ามาอยู่ในใจของท่าน ด้วยเรากลัวว่าสิ่งนี้อาจกลายเป็นจุดประสงค์หลักของท่าน แม้ท่านจะไม่เจตนา แต่เพราะความโลภ จะเป็นอย่างไรถ้าศาสนบริกรของเราบางคนออกนอกวิถีทางของพวกเขา คือจะกระทำหน้าที่อย่างดีถ้ามีรางวัลด้านวัตถุ มิฉะนั้นก็จะกระทำเพียงเล็กน้อย ดังนั้น ท่านจึงควรพร้อมที่จะปฏิบัติสิ่งใดๆ โดยปราศจากรางวัลทางโลกที่ท่านสมควรได้รับเพราะการกระทำนั้น และจงมั่นใจที่จะกระทำหน้าที่ของท่านด้วยการอุทิศตนและขยันขันแข็งเช่นเดิม เนื่องด้วยศาสนบริกรบางคนของเราที่ไม่คำนึงถึงคนอื่น ทำงานโดยไม่กระตือรือร้นและไม่ขยันขันแข็งในสวนองุ่นของเรา ถ้าพวกเขาไม่มีรางวัลจากผู้คน พวกเขาเข้าใจเอาเองว่าประชาชนเหล่านี้ไม่ได้ให้ค่าตอบแทน ก็ควรที่จะพอใจในศาสนบริการเล็กน้อยที่พวกเขาได้กระทำอย่างเลว ศาสนบริกรเหล่านี้ไม่ได้ใส่ใจกับความพอใจของเรา แม้เราจะเป็นผู้เดียวที่พวกเขาควรเอาใจ
    ความผูกพันรักใคร่กับสิ่งของต่างๆ ทางโลกอาจหลอกลวงท่าน ภายใต้มารยาแห่งการทำงานอันประกอบด้วยเมตตาธรรมหลังความตายของท่าน ด้วยข้อแก้ตัวนั้น ผู้รับใช้ของเราบางคนแกล้งไม่ได้ยินเสียงจากมโนธรรมของพวกเขา และเพิ่มพูนความมั่งมีของพวกเขา ถ้าท่านตกลงใจจะมอบทุกสิ่งที่ท่านครอบครองแก่เราหลังความตาย คือเมื่อท่านต้องจากสิ่งเหล่านี้ไปไม่ว่ากรณีใดๆ แล้วจะมีบุญกุศลอะไรในการกระทำนั้นเล่า? จงใช้และว่าจ้างความมั่งคั่งของท่านเพื่อการบริการของเราในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่โดยมิชักช้าเถิด เพราะนี่คือการถวายบูชาที่มีค่าในสายตาของเรา
    ในที่สุด อย่าสนับสนุนความถูกต้องของความเกี่ยวพันกับทรัพย์สมบัติทางโลก ด้วยข้อแก้ตัวเรื่องการจุนเจือเครือญาติที่ยากจนของท่าน เว้นแต่ว่าพวกเขามีความจำเป็นอย่างแท้จริง มิฉะนั้น ท่านก็จะทำงานในสวนองุ่นของเราในฐานะพ่อค้ามากกว่าในฐานะสงฆ์ และไม่มีรายได้ใดของพระศาสนจักรจะสามารถทำให้ความโลภของท่านพอใจ จงใคร่ครวญดูว่าเราประพฤติตนอย่างไรต่อครอบครัวของเรา ดูเถิด เราปล่อยให้พระมารดามารีย์และท่านโยเซฟบิดาเลี้ยงของเรามีชีวิตอยู่ด้วยผลงานจากน้ำมือของพวกเขา