10. ความเป็นเหมือนพระประสงค์ของพระเจ้า
บรรดาประกาศกได้กล่าวถึงเราว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ กำลังมาแล้ว ในม้วนพระคัมภีร์มีเขียนไว้สำหรับข้าพเจ้าให้ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าปรารถนาเช่นนั้น ธรรมบัญญัติของพระองค์อยู่ลึกในหัวใจของข้าพเจ้า” (สดด 40:7-8) ดังนั้น จุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียวในชีวิตของท่านคือ กระทำตามความประสงค์ของเรา ความประสงค์นี้ควรถูกฝังไว้ในก้นบึ้งของหัวใจท่านและควบคุมโครงการทั้งหมดของท่าน เราได้กล่าวไว้ว่า “เรามิได้แสวงหาที่จะทำตามใจของเรา แต่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา” (ยน 5:30) และ “อาหารของเราคือการทำตามพระประสงค์ของพระผู้ทรงส่งเรามา และการประกอบกิจของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไป” (ยน 4:34) ยิ่งกว่านั้น เราได้ประกาศว่า “นี่คือมารดาและพี่น้องของเรา เพราะผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา” (มธ 12:49-50)
ในสวนเกทเสมนี เมื่อเปโตรต้องการลุกขึ้นสู้กับศัตรูของเรา เราได้ยับยั้งความเร่าร้อนของเขาไว้ และกล่าวว่า “เราจะไม่ดื่มจากถ้วยที่พระบิดาประทานให้เราหรือ” (ยน 18:11) และยังเป็นถ้วยกาลิกษ์ที่ขมขื่นเหลือเกิน แต่เราไม่ได้กระทำสิ่งใดเลย นอกจากทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า คือ “เราทำตามที่พระองค์พอพระทัยเสมอ” (ยน 8:29) เพราะฉะนั้น ความปรารถนาและความต้องการของท่านนี้จึงควรเป็นเพียงเพื่อทำให้ความประสงค์ของเราบรรลุผล
ความประสงค์ของเราเป็นความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มีความอ่อนหวานและน่ารัก นอกเหนือความประสงค์ของเราไม่มีแม้แต่เงาแห่งความดี ดังนั้น ถ้าความประสงค์ใดขัดกับความประสงค์ของเรา ท่านอย่าหวังว่าจะมีผมแม้แต่เส้นเดียวบนศีรษะของท่าน หรือมีอาหารอุดมสมบูรณ์ในยามที่หิวกระหาย หรือมีสุภาพดีในยามที่เจ็บป่วย หรือมีสันติในยามสงคราม ท่านไม่อาจนึกภาพได้เลยว่า ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างดีได้อย่างไรเมื่อถูกควบคุมและถูกจัดให้เป็นไปตามความประสงค์ของเรา ถ้าท่านสามารถทำสิ่งที่เราประสงค์จากท่านให้เป็นจริงได้
ด้วยความเข้าใจที่อาศัยความมั่นใจว่าทุกสิ่งเป็นที่ต้องการหรือถูกชักนำโดยความประสงค์ของเรา ท่านก็จะเปลี่ยนความทุกข์ทรมานทั้งภายนอกและภายในของท่านเป็นเรื่องราวแห่งความรัก และความปิติยินดี ท่านตกหลุมรักความประสงค์แบบพระเจ้าของเรา ท่านจะเลียนแบบเราอย่างครบถ้วน และเราจะให้ความรู้และพละกำลังที่จำเป็นในทุกกิจกรรมของท่าน ความเป็นเหมือนความประสงค์ของเราเป็นความจำเป็นพิเศษในเวลาที่พระศาสนจักรของเราถูกกดขี่ข่มเหง ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นยุคสมัยที่เรายอมให้เจ้าชายแห่งความมืดทำสงครามกับผู้รับใช้ของเรา เพื่อทดสอบคุณธรรมของพวกเขา ในยุคแห่งการล้มล้าง เมื่อความเลวได้รับการยกย่องสรรเสริญ และความบริสุทธิ์ตกอยู่ในฐานะความผิดร้ายแรง ดังที่เรากล่าวในขณะการรับทรมานของเราว่า “นี่เป็นเวลาของท่าน เป็นอำนาจของความมืด” (ลก 22:53) ในช่วงที่ความทุกข์ทรมาน และความเจ็บปวดรวดร้าวของเราถึงจุดสูงสุด เราแสวงหาการปลอบประโลมในการภาวนาอย่างที่ศิษย์ของเราบอกว่า “พระองค์ทรงอยู่ในความทุกข์กังวลอย่างสาหัส จึงทรงอธิษฐานอย่างมุ่งมั่นยิ่งขึ้น” (ลก 22:44) ในทำนองเดียวกัน ท่านจะพบการปลอบประโลมได้ในการสวดภาวนาเท่านั้น และท่านจะได้รับการปลอบประโลมจากอารักขเทวดาของท่านด้วย
ยิ่งกว่านั้น ถ้าท่านรู้สึกมีความหวาดกลัวภายในคล้ายกับเราดังนี้คือ “พระองค์ทรงเริ่มรู้สึกหวาดกลัวและเศร้าพระทัยอย่างยิ่ง” (มก 14:34) จงระงับการแสดงความรู้สึกนั้นต่อหน้าบรรดาศัตรูของเรา เราจะให้ความกรุณาแก่ท่านเหมือนกับที่เราได้ให้แก่บรรดามรณสักขีของเรา จงดูเถิดว่า เราถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว, ถูกเพื่อนๆ ละทิ้ง ถูกห้อมล้อมด้วยบรรดาศัตรูที่ชั่วร้ายพร้อมกับฝูงชนที่กำลังโกรธจัด และเรายังคงรักษาการวางตัวอย่างมีเกียรติ (มธ 26:63; ลก 22:52; ยน 19:11) ถ้าท่านทนทุกข์ในนามของเรา ท่านต้องแสดงต่อหน้าบรรดาศัตรูของเราว่า ท่านรู้วิธีที่จะทนทุกข์อย่างมีเกียรติ ถ้าเราปรารถนา เราสามารถปลดปล่อยท่านจากเงื้อมมือของศัตรูของท่านได้อย่างง่ายดาย มิฉะนั้น เราอาจขอการถวายบูชาด้วยชีวิตของท่าน และนั่นจะเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าอย่างที่เรามอบตัวของเราไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดาของเรา โดยเรากล่าวกับพระองค์ว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” (ลก 23:46) ดังนั้น ท่านควรมอบตนเองอย่างสิ้นสุดหัวใจให้กับเรา
คิดดูซิว่า บรรดาศัตรูของเราไม่มีอำนาจเหนือเรา และไม่มีอำนาจเหนือท่านถ้าพระเจ้ามิได้ทรงยินยอม ดังที่เราเคยกล่าวว่า “ท่านไม่มีอำนาจใดเหนือเราเลย ถ้าท่านมิได้รับอำนาจนั้นมาจากเบื้องบน” (ยน 19:11) และ “เราจะอ้อนวอนพระบิดาเจ้าให้ส่งทูตสวรรค์มากกว่าสิบสองกองพลมาช่วยเราบัดนี้มิได้หรือ” (มธ 26:53) ดังนั้น จงมอบตัวท่านทั้งครบแก่เรา และท่านจะไม่ต้องการสิ่งใดเลย