การวินัจฉัยตามหลักพระวรสาร
5. การวินิจฉัยของพระศาสนจักรเป็นการเสนอแนวทางเพื่อบำรุงรักษาและเพื่อจะได้บรรลุถึงสัจธรรมและศักดิ์ศรีของการสมรสและครอบครัวที่สมบูรณ์
การวินิจฉัยนี้เป็นไปตามสำนึกแห่งความเชื่อ ซึ่งเป็นพระคุณที่พระจิตเจ้าทรงโปรดประทานให้แก่ผู้ที่เชื่อทุกคน เพราะฉะนั้น การวินิจฉัยนี้เป็นงานของพระศาสนจักรทั้งมวลซึ่งพระคุณและพระพรนานัปการของพระจิตเจ้า ตามตำแหน่งหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละคน จะช่วยให้เข้าใจพระวรสารและทำให้พระวาจานั้นเป็นจริงขึ้นได้ในชีวิต ดังนั้น พระศาสนจักรมิได้วินิจฉัยโดยอาศัยผู้อภิบาลซึ่งสั่งสอนในนามและโดยอำนาจของพระคริสต์เท่านั้น แต่โดยฆราวาสผู้ซึ่งพระคริสต์ “ทรงแต่งตั้งให้เขาเป็นประจักษ์พยาน และทรงสอนเขาให้มีความเข้าใจในเรื่องความเชื่อและความสามารถประกาศพระวาจา (กจ 2:17-18; วว 19:10) เพื่ออำนาจของพระวรสารจะได้ฉายแสงออกทางชีวิตประจำวันทั้งในครอบครัวและสังคมของพวกเขา” ยิ่งไปกว่านั้น ฆราวาสมีบทบาทเป็นพิเศษตามกระแสเรียกเฉพาะของตนในการตีความหมายของประวัติศาสตร์ของโลกโดยอาศัยแสงสว่างของพระคริสต์ ด้วยเหตุที่พวกเขามีหน้าที่ส่องสว่างและจัดระเบียบของโลกให้ทุกสิ่งได้เป็นไปตามแผนการของพระผู้สร้างและผู้ไถ่กู้
อย่างไรก็ตาม ความเห็นพ้องต้องกันของผู้ที่มีความเชื่อไม่ใช่องค์ประกอบเพียงอย่างเดียวหรือเป็นสิ่งที่จำเป็นของ “ความสำนึกในความเชื่อที่พระประทานให้” พระศาสนจักรผู้เดินตามพระคริสต์แสวงหาสัจธรรมซึ่งอาจจะไม่ตรงกับเสียงของคนส่วนใหญ่เสมอไป พระศาสนจักรเชื่อฟังเสียงของมโนธรรมแต่ไม่เชื่อฟังเสียงของผู้มีอำนาจ และโดยวิธีนี้เองพระศาสนจักรก็ได้ปกป้องคนยากจนและผู้ที่ถูกทอดทิ้ง พระศาสนจักรให้คุณค่าแก่งานวิจัยทางสังคมวิทยาและทางสถิติตราบเมื่องานเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจความเป็นมาของสถานการณ์ซึ่งงานอภิบาลกำลังประสบอยู่ และตราบเมื่อมันช่วยให้เข้าใจความจริงได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี งานวิจัยเพียงอย่างเดียวมิใช่การแสดงออกของความสำนึกแห่งความเชื่อ
ด้วยเหตุว่า เป็นหน้าที่ของผู้อภิบาลที่จะทำให้พระศาสนจักรมั่นคงอยู่ในสัจจธรรมของพระคริสต์และเข้าสู่สัจธรรมนั้นมากยิ่งขึ้น ผู้อภิบาลจะต้องส่งเสริมจิตสำนึกแห่งความเชื่อในใจของสัตบุรุษ ตรวจสอบและวินิจฉัยอย่างเป็นทางการถึงความถูกต้องของการแสดงออกตามความเชื่อ และให้การอบรมแก่สัตบุรุษในการวินิจฉัยที่สมบูรณ์ขึ้นตามหลักพระวรสาร
คู่สมรสและบิดามารดาคริสตชนมีสิทธิและหน้าที่พิเศษที่จะมีส่วนร่วมในการวางแนวทางของการวินิจฉัยที่สอดคล้องกับพระวรสารตามสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมซึ่งชายหญิงดำเนินชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัวของตน พวกเขาสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่นี้ให้สำเร็จลุล่วงไปโดยอาศัยพระคุณพิเศษของตนซึ่งเป็นพระคุณของศีลสมรส