ภารกิจพิเศษที่มีลักษณะเฉพาะซึ่งครอบครัวกระทำในนามของพระศาสนจักร
50. ครอบครัวคริสตชนได้รับการเรียกร้องให้มีส่วนร่วมในภารกิจของพระศาสนจักรอย่างจริงจังและด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบที่มีลักษณะพิเศษตามแบบอย่างของตน โดยการอุทิศตนเพื่อสร้างผลประโยชน์แก่พระศาสนจักรและสังคม ด้วยลักษณะที่เป็นอยู่และด้วยกิจกรรมที่สามรถกระทำได้ในฐานะที่เป็น “กลุ่มที่รวมของชีวิตและความรักอันลึกซึ้ง”
ในเมื่อครอบครัวคริสตชนเป็นกลุ่มซึ่งพระคริสตเจ้าเองทรงสร้างสายสัมพันธ์ใหม่ให้เรื่อยๆ โดยทางความเชื่อและศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ครอบครัวจึงมีส่วนร่วมในภารกิจของพระศาสนจักรในรูปแบบของกลุ่มด้วย เพราะฉะนั้น สามีภรรยาจะต้องรับใช้พระศาสนจักรและมนุษยโลกโดยพร้อมในกันในฐานะที่เป็นคู่กัน และพ่อแม่กับลูกๆ ก็เช่นกัน คือในฐานะที่เป็นครอบครัวด้วยกัน อาศัยความเชื่อเป็นสายสัมพันธ์ เขาต้องเป็น “น้ำหนึ่งใจเดียวกัน” ในจิตตารมณ์แห่งการแพร่ธรรมที่เป็นกำลังใจอันเร่าร้อนของเขาและในการลงมือทำงานด้วยกัน เพื่อให้เกิดผลประโยชน์แก่สังคมทั้งฝ่ายศาสนาและฝ่ายบ้านเมือง
นอกจากนั้นครอบครัวคริสตชนยังสร้างสรรค์อาณาจักรของพระเจ้าตามกาลสมัยต่างๆ โดยอาศัยเหตุการณ์สามัญธรรมดาซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวและกำหนดลักษณะของสภาพนั้นด้วย ดังนั้น การที่ครอบครัวคริสตชนมีส่วนร่วมในภารกิจของพระเยซูคริสตเจ้าและขอวพระ-ศาสนจักร ผู้เป็นสงฆ์ ประกาศก และกษัตริย์ การมีส่วนร่วมนี้จะบรรลุสำเร็จ โดยทางความรักของคู่สมรสและของครอบครัว ในเมื่อความรักนี้ ดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับคุณค่าที่อุดมสมบูรณ์และกับข้อเรียกร้องต่างๆ ของความรัก นั่นคือ ต้องเป็นความรักที่สมบูรณ์แบบ รักเดียวใจเดียว ซื่อสัตย์ และพร้อมที่จะให้กำเนิดบุตร ฉะนั้น ความรักและชีวิตนับเป็นแก่นของภารกิจที่นำความรอดมา ซึ่งครอบครัวคริสตชนสามารถปฏิบัติได้ภายในพระศาสนจักรและเพื่อพระศาสนจักร
สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ได้กล่าวถึงข้อความนี้ในตอนที่บันทึกไว้ว่า “ครอบครัวต้องถ่ายเทสมบัติฝ่ายวิญญาณให้แก่ครอบครัวอื่นด้วยน้ำใจกว้างขวางด้วย ถ้าปฏิบัติดังนี้แล้ว ครอบครัวคริสตชนซึ่งเกิดจากการสมรสอันเป็นรูปและเป็นการมีส่วนร่วมในความสัมพันธ์แห่งความรักระกว่างพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักร ก็จะแสดงให้มนุษย์ทุกคนเห็นว่าพระผู้ไถ่สถิตอยู่ในโลกอย่างมีชีวิตชีวา และแสดงว่าพระศาสนจักรมีลักษณะแท้จริงเช่นนี้คือ การที่สามีภรรยามีความรักกัน มีลูกตามความสามารถ เป็นอันหนึ่งอันเดียวและมีความซื่อตรงต่อกัน อีกทั้งสมาชิกทุกคนในครอบครัวก็ร่วมมือกันด้วยความรักใคร่”
เมื่อได้วางหลักพื้นฐานของการที่ครอบครัวคริสตชนร่วมภารกิจกับพระศาสนจักรแล้ว ในตอนนี้ควรให้ความกระจ่างแก่รายละเอียดของภารกิจนี้ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระเยซูคริสตเจ้า 3 ประการ (แต่ที่จริงรวมเป็นประการเดียว) ในฐานะที่พระองค์เป็นประกาศก สงฆ์ และกษัตริย์ หรือพูดอักนัยหนึ่งควรจะแสดงให้เห็นว่าครอบครัวคริสตชนเป็นทั้ง
1. กลุ่มที่เชื่อและประกาศข่าวดี
2. กลุ่มที่เสวนากับพระเจ้า
3. กลุ่มที่รับใช้มนุษย์