ครอบครัวคริสตชนเป็นกลุ่มที่เชื่อและประกาศข่าวดี
ความเชื่อในส่วนที่เป็นความเข้าใจและการชื่นชมในแผนการของพระเจ้าที่เกี่ยวกับครอบครัว
51. ครอบครัวคริสตชนร่วมชีวิตและภารกิจของพระศาสนจักรซึ่งรับฟังพระวาจาของพระเจ้าด้วยความศรัทธาเลื่อมใส และประการพระวาจานั้นด้วยความมั่นใจที่แข็งแกร่ง ฉะนั้น ครอบครัว คริสตชนจะปฏิบัติภารกิจเป็นประกาศกได้ โดยการน้อมรับและการประกาศพระวาจาของพระเจ้า ครอบครัวคริสตชนจึงกลายเป็นกลุ่มที่เชื่อและประกาศข่าวดีมากยิ่งขึ้นทุกวัน
“ความเชื่อด้วยความนอบน้อม” ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสามีภรรยาและพ่อแม่คริสตชนเช่นเดียวกัน เขาได้รับการเรียกร้องให้รับฟังพระวาจาของพระคริสตเจ้าซึ่งเปิดเผยลักษณะใหม่อันน่าพิศวง (ข่าวดี) ของชีวิตสมรสและครอบครัวของเขา ซึ่งพระคริสตเจ้าเองบันดาลให้ศักดิ์สิทธิ์และให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ โดยอาศัยแสงสว่างแห่งความเชื่อเท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถเข้าใจและชื่นชมยินดีกับศักดิ์ศรีอันสูงส่งซึ่งพระเจ้าทรงตั้งพระทัยจะเชิดชูการสมรสและครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระองค์ทรงยกการสมรสและครอบครัวนั้นให้เป็นเครื่องแสดงและที่เกิดของพันธสัญญาอันเต็มไปด้วยความรักระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ และระหว่างพระเยซูคริสต์กับพระศาสนจักรเจ้าสาวของพระองค์
นับตั้งแต่การเตรียมการสมรสคริสตชนก็ถือกันแล้วว่า เป็นการก้าวหน้าตามหนทางแห่งความเชื่อ ด้วยเหตุว่า การเตรียมดังกล่าวเป็นโอกาสพิเศษที่บ่าวสาวจะได้พบความเชื่อใหม่อีกครั้งหนึ่งและเข้าใจอย่างลึกซึ้งกว่าเดิม ซึ่งเป็นความเชื่อที่พระเจ้าประทานให้ในเวลาที่เขารับศีลล้างบาป และที่เขาได้รับการหล่อเลี้ยงจากการศึกษาอบรมในบรรยากาศคริสตชนตลอดมา ดังนั้น บ่าวสาวจึงทราบถึงกระแสเรียกของตนและเต็มใจที่จะติดตามพระคริสตเจ้าพร้อมกับรับใช้พระอาณาจักรของพระเจ้าในชีวิตสมรส
โอกาสสำคัญที่สุดที่สามีภรรยาจะแสดงความเชื่อของตน ก็คือ พิธีศีลสมรสนั่นเองซึ่งตามความหมายอันลึกซึ้งนั้น ศีลสมรสนี้เป็นการประกาศข่าวดีเกี่ยวกับความรักของคู่สมรสภายในพระศาสน-จักร ข่าวดีนี้เป็นพระวาจาของพระเจ้าซึ่ง “เปิดเผย” แผนการของพระเจ้าต่อสามีภรรยา และ “บันดาลให้บรรลุผลสำเร็จ” โดยอาศัยพระปรีชาญาณและความรักของพระองค์ สามีภรรยาจึงเริ่มมีส่วนร่วมอย่างซ่อนเร้น แต่ถ่องแท้ในความรักของพระเจ้าต่อมนุษย์ทั้งหลาย ถ้าหากว่า ความหมายแท้ของพิธีศีลสมรสนั้นคือ การประกาศพระวาจาของพระเจ้า ทุกคนที่มีบทบาทสำคัญและเป็นผู้ประกอบพิธีนั้น ต่างก็ต้อง “ยืนยันความเชื่อ” อย่างแจ่มแจ้งท่ามกลางพระศาสนจักรและพร้อมกับพระศาสนจักร ซึ่งเป็นที่ชุมชนของผู้มีความเชื่อ
การยืนยันความเชื่อนั้นต้องต่อเนื่องไปตลอดชีวิตของคู่สมรสและของครอบครัว ที่จริง พระเจ้าผู้ทรงเรียกสามีภรรยาให้มาสมรสกันก็ยังทรงเรียกเขาโดยทางการสมรส ในเหตุการณ์ต่างๆ และโดยอาศัยเหตุการณ์ ปัญหาและความยากลำบาก ตลอดจนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน พระเจ้าทรงเสด็จมาหาสามีภรรยา พระองค์ทรงชี้แจงและเสนอให้เขารับรู้ “เงื่อนไขที่แท้จริง” ที่เขาต้องยอมรับในสภาพเฉพาะของตนทางครอบครัว สังคม และศาสนา เมื่อมีส่วนร่วมในความรักของพระคริสตเจ้าต่อพระศาสนจักร
ในฐานะที่เป็น “อันหนึ่งอันเดียวกัน” คู่สมรสหรือครอบครัวจะต้องค้นหาแผนการของพระเจ้าให้พบและนอบน้อมต่อแผนการนั้น โดยอาศัยประสบการณ์ซึ่งมนุษย์สามารถมีได้ในความรักที่ดำรงอยู่ระหว่างสามีภรรยาและระหว่างพ่อแม่กับลูกๆ ตามพระจิตของพระคริสตเจ้า
เพื่อให้สิ่งเหล่านี้เป็นจริงได้ พระศาสนจักรระดับครอบครัวเช่นเดียวกับพระศาสนจักรใหญ่ มีความจำเป็นต้องรับฟังข่าวดีโดยมิหยุดยั้งและอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้น ครอบครัวจึงมีหน้าที่แสวงหาความรู้ในเรื่องความเชื่ออย่างต่อเนื่อง