เตรียมรับมือในการร่วมงานกับคน 6 ประเภท
เคยมีคนบอกไว้ว่า ชีวิตในวัยเรียน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด เพราะไม่ต้องคิดอะไรมากมาย แค่มีหน้าที่เรียนอย่างเดียว แต่สุดท้ายไม่ว่าการเรียนจะสิ้นสุดที่ตรงไหน ปลายทางของทุกคนก็ต้องก้าวสู่โลกชีวิตของการทำงาน โลกที่หลายๆ คนบอกว่าคนที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้
ฟังแล้วอาจจะดูโหดร้ายไปสักนิด แต่การเตรียมพร้อมรับมือกับบทบาทหน้าที่ใหม่นี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย ลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงาน ก็ทำให้เราสามารถทำงานในหน้าที่นี้ได้อย่างมีความสุข วิธีการรับมือกับเพื่อนร่วมงานทั้ง 6 ประเภท
โลกนี้ ฉันดี เริด เก่งอยู่คนเดียว
คนประเภทนี้ชอบแบกรับทุกอย่างไว้เองหมด คิดว่าไม่มีใครทำได้ดีเท่า อะไรก็เสนอตัวรับไว้คนเดียว และมักจะหาข้ออ้างว่า “เพื่อภาพรวมของงาน” ที่กว่านั้น บางคนอาจมีลูกชิ่งกับเพื่อนๆ ว่า “ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะจนใจต่างหาก ดูๆ ไปก็คงไม่มีใครถนัดเรื่องนี้มากกว่าฉันอีกแล้ว”
สรุปว่า คนประเภทนี้จะมองเห็นคนอื่นแย่หมด ไม่มีใครดีหรือเจ๋งกว่าตัวเอง เรียกว่าตัวโต ตัวใหญ่คับโลกแบบสุดๆ
วิธีรับมือ
ดูเผินๆ เหมือนจะสบายถ้าได้เจอเพื่อนร่วมงานที่ชอบเหมางานไปทำหมด แต่ในไม่ช้าจะเป็นเราเองที่เสียเครดิต เพราะเจ้านายไม่มีโอกาสรู้ว่าเราถูกแย่งงานและบดบังการแสดงความสามารถไป แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนนิสัยเขาก็คงไม่ได้ ดังนั้น เราต้องหัด “ใจกล้า ฮึดสู้” ทวงงานในความรับผิดชอบและแสดงความสามารถให้นายเห็นว่า เรารักงานและเต็มที่กับงานมากแค่ไหน
สำหรับฉันแล้ว “ต้องได้” คนอื่นจะเป็นจะตายอย่างไร... ฉันไม่สน
คนประเภทนี้จะทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามเสียประโยชน์เด็ดขาด ยิ่งถ้า “ได้” กลับคืนมาด้วยยิ่งดี เรื่องคิดถึงคนอื่นไม่เคยมีในหัว ส่วนรวมหรือใครจะเดือดร้อนอย่างไรก็ช่าง เพราะผลประโยชน์เท่านั้นคือสิ่งที่ต้องการ ที่สำคัญเวลาเกิดเหตุอะไรขึ้นก็จะเน้น รับแต่ความชอบ” ไม่รับความผิด
วิธีรับมือ
คนประเภทนี้น่าสงสาร มีชีวิตอยู่ได้ด้วยผลประโยชน์ จึงไร้ความสุขที่แท้จริง มีแต่ความฉาบฉวย ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในโลกของการทำงาน ถ้าต้องร่วมงานกับคนประเภทนี้ ขอให้พยายามแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจน ต่างคนต่างรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันก็พยายามแสดงให้เขาเห็นว่า ในโลกนี้ “การรับ” ไม่สำคัญเท่ากับ “การให้” ผลประโยชน์อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความสบายใจที่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ไม่รู้ทำไมชอบแทงข้างหลัง... ทะลุถึงหัวใจ
คนประเภทนี้ไม่ต่างจากพวกปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ต่อหน้าพูดจาจ๊ะจ๋า ดูเข้าถึงจิตใจของทุกคน แต่จริงๆ แล้ว ไร้ความจริงใจเป็นที่สุด ชอบนำเรื่องไม่ดีงามทั้งหลายที่เคยแอบเมาท์แอบตกลงกันว่า “อย่าไปบอกใครนะ” แต่ตัวเองนั้นไปบอกต่อให้คนอื่นฟัง แถมยังใส่ไข่ปรุงรสลงไปด้วยและยังนำไปบอกกับคนต้นเรื่องอีก... งานนี้คุณเตรียมระวังตัวเองไว้ให้ดี
วิธีรับมือ
คนประเภทนี้น่ากลัวที่สุด เข้าสังคมเก่งมีหน้าหลายแบบ ไม่ต่างจาการเปลี่ยนหน้ากาก ดังนั้น ถ้ารู้ตัวว่าต้องทำงานร่วมกันก็พูดจาสื่อสารกันเท่าที่จำเป็นก็พอ เขาจะพูดถึงใครก็ขอให้นิ่งไว้ ถ้าจะทำอะไรขอให้อยู่ในที่ที่มีพยานรู้เห็นด้วยจะดีกว่า ส่วนในเรื่องของงานก็ให้มีข้อกำหนดและเอกสารยืนยันอย่างชัดเจน เพื่อใช้เป็นหลักฐานต่อไปได้
นายและนายเท่านั้นที่ฉันต้องการ
คนประเภทนี้มือไม้อ่อน ไหว้ได้ไหว้ดี หายใจเข้าหายใจออกก็เจ้านาย วันๆ หนึ่งเจอกันไม่รู้กี่รอบ และไม่ว่านายจะทำอะไรก็สามารถเออออได้ตลอด แม้แต่การออกโรงปกป้องเจ้านายก็สามารถทำได้ และถ้าคุณสมบัติเหล่านี้มาพร้อมกับการไม่ลงมือทำงานหรือทำงานไม่เป็นด้วยแล้ว คนประเภทนี้ยิ่งไม่น่าข้องเกี่ยวเป็นที่สุด
วิธีรับมือ
ถ้าความสุขของเขาคือการป้อยอเจ้านาย คุณก็ไม่ควรขวางทางและไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เหมือนเขา ขอให้ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เพราะสุดท้ายถึงคนประเภทนี้จะก้าวหน้าไปได้ด้วย “ปาก” แต่ผลงานเท่านั้นที่จะการันตีว่า “ใครคือตัวจริง” เพราะเมื่อใดที่เจ้านายลืมตามีสติขึ้นมา เวลาของคนพวกนี้ก็จะหมดลงไปเอง
ไร้ (ร้าย) เดียงสาตลอดเวลา... ก็หนูไม่รู้
คำพูดติดปากคนประเภทนี้คือ ทำอย่างไรดี ไม่รู้ พร้อมกับมีสีหน้าแบบงงๆ ใสซื่อตลอดเวลา จนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่เราคาดไม่ถึง เช่น การโบ้ยงานและการปกป้องตัวเองจากการถูกตำหนิ ลงโทษ เขาจะใช้ความไร้เดียงสาเป็นใบเบิกทางให้เจ้านายเอ็นดูและเป็นบันไดไต่เต้าต่อไป
วิธีรับมือ
คนประเภทนี้ยิ่งเจอก็ยิ่งหงุดหงิด แต่ถ้าจะอารมณ์ร้อนไปก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ยิ่งถ้าเพื่อนคนอื่นๆ หรือเจ้านายเข้าใจว่าคนๆ นั้นมีความไร้เดียงสาเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เราเองจะเป็นฝ่ายเสีย ดังนั้นควรพยายามอดทนให้มาก เมื่อต้องร่วมงานกัน
พวกชอบหายใจทิ้ง ลอยชายไปวันๆ
ชีวิตประจำวันของคนประเภทนี้คือ การได้แต่งตัวสวย เท่ หล่อ เนี๊ยบ ออกจากบ้าน มาที่ทำงานด้วยอารมณ์ประหนึ่งว่ามาเปลี่ยนสถานที่หายใจเฉยๆ เพราะบางคนมาถึงแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเช็กอีเมล เล่นเฟชบุ๊ก คุยโทรศัพท์ หรือเม้าท์กับเพื่อนๆ รอบโต๊ะไปเรื่อยเปื่อย กว่าจะรู้ตัวก็เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง ทำให้ต้องรีบทำงานแบบลวกๆ ให้เสร็จไป
วิธีรับมือ
คนประเภทนี้เป็นมลภาวะทางสายตาและหูสำหรับคนมุ่งมั่นทำงานเป็นที่สุด และคงไม่มีทางไหนดีไปกว่า “การพูดกันตรงๆ” จริงอยู่ว่าเขาไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องมานั่งฟังคำเตือนจากคนที่ไม่ใช่เจ้านายอย่างคุณ แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องเข้าใจว่าไม่ควรทำให้ใครเดือดร้อนเสียการเสียงานไปด้วย แต่ถ้าเขายังยึดมั่นนิสัยเดิม เฉยๆ ไว้ ไม่นานผลการกระทำเหล่านั้นก็จะย้อนกลับมาตอบแทนเขาเอง
- อย่างไรก็ดี ความจริงที่ว่า “ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงใครได้” ยังคงใช้ได้เสมอ ดังนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใด ขอให้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด หากยังหาวิธี “รับมือ” ที่เหมาะสมไม่ได้ ก็ต้องยอมรับและเข้าใจในสิ่งที่ผู้อื่นเป็น เพราะมิฉะนั้นแล้ว คุณเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายทุกข์และไม่มีความสุขกับการทำงาน