การสวดภาวนาทำแทนกันไม่ได้
การภาวนาเป็นเรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถมาทำแทนตัวเราได้ แต่ต้องเป็นตัวเราที่จะต้องยกจิตใจและสติปัญญาขึ้นหาพระเจ้าด้วยตัวของเราเอง
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในอารามฤาษีแห่งหนึ่ง ที่ใช้การขับร้องเพลงในการสวดทำวัตรของอาราม ฤาษีที่นี้ล้วนแต่มีอายุมากแล้วทั้งนั้น เมื่ออายุมากขึ้น เสียงของพวกท่านจึงแหบแห้ง ขับร้องเพลงไม่ไพเราะเหมือนเดิม
วันหนึ่งมีหนุ่มคนหนึ่งมาสมัครเข้าเป็นสมาชิกในอาราม เมื่อได้รับการฝึกหัดการขับร้อง ปรากฏว่าเสียงของเขาช่างไพเราะเสียงจริงๆ ฤาษีชราทั้งหลายจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งพลางคิดกันว่า “คราวนี้แหละ บททำวัตรของเราจะได้ไพเราะน่าฟังเสียที”
แล้ววันสำคัญก็มาถึง วันนี้เป็นวันฉลองแม่พระได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ การสวดทำวัตรในวันนี้จะมีสัตบุรุษมาร่วมสวดด้วยมากมาย และวันนี้จะเป็นวันแรกที่สมาชิกใหม่จะได้แสดงผลงาน ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี มีผู้คนมาร่วมการสวดมากมาย เมื่อถึงเวลา บรรดาฤาษีชราต่างนั่งในที่ขับร้องของตนแต่ไม่มีใครเปล่งเสียงออกมาเลยเพราะกลัวว่าจะไปรบกวนเสียงของสมาชิกหนุ่มคนนั้น พวกเขาต่างชื่นชมยินดีเมื่อได้ยินเสียงขับร้องสรรเสริญแม่พระที่ไพเราะน่าจับใจ
คืนนั้นเอง ขณะที่ผู้อาวุโสของอารามกำลังภาวนาอยู่ในที่ประจำของตนเอง แม่พระได้ประจักษ์มาด้วยแสงสว่าง พระแม่เข้ามาใกล้ๆและกล่าวว่า
“ทำไมวันนี้ เธอจึงไม่ขับร้องบททำวัตร” พระแม่ถาม
ผู้อาวุโสพูดตะกุกตะกักว่า วันนี้ได้ขับร้อง..ขับร้องดีกว่าวันอื่นๆด้วย ดีกว่าที่แล้วๆมาด้วย
แม่พระตอบว่า “ฉันขอบอกเธอว่า ในสวรรค์ไม่ได้ยินเสียงขับร้องของเธอเลย”