การฝึกอบรมด้านพระคัมภีร์และเทววิทยาให้กับครูคำสอน
240 นอกจากการเป็นประจักษ์พยานแล้ว ครูคำสอนยังจะต้องเป็นครูคำสอนเรื่องความเชื่อด้วย การฝึกอบรมด้านพระคัมภีร์และเทววิทยาน่าจะช่วยให้ครูคำสอนมีความรู้ที่เป็นพื้นฐานเกี่ยวกับสารของคริสตชน ที่ถูกสร้างขึ้นโดยรอบพระธรรมล้ำลึกที่เป็นศูนย์กลางแห่งความเชื่อ คือ พระเยซูคริสตเจ้า
บริบทในการฝึกอบรมด้านข้อคำสอนนี้น่าจะถูกนำมาจากเนื้อเรื่องหลากหลายที่ประกอบอยู่ในทุกแผนของการสอนคำสอน ซึ่งได้แก่เรื่องต่างๆ ต่อไปนี้
- สามช่วงที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์แห่งความรอด คือ ช่วงพันธสัญญาเดิม ช่วงชีวิตของพระคริสตเจ้า และช่วงประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร
- หัวใจอันสำคัญยิ่งของสารคริสตชนคือ บทข้าพเจ้าเชื่อ พิธีกรรม ชีวิตศีลธรรม และการภาวนา
เนื้อหาข้อคำสอนของการฝึกอบรมครูคำสอนที่เกี่ยวกับ การสอนเทววิทยาในแต่ละระดับของการอบรมนั้น คือ สิ่งที่ครูคำสอนจะต้องถ่ายทอด สำหรับหนังสือที่ใช้ในการอบรม “พระคัมภีร์ควรจะเป็นแก่นสารของการฝึกอบรมนี้” (อ้างถึง GCD (1971) 112; GCM 23) หนังสือคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกยังคงเป็นจุดอ้างอิงพื้นฐานทางด้านข้อคำสอน รวมถึงหนังสือคำสอนที่เหมาะสมกับพระศาสนจักรเฉพาะถิ่น
241 การฝึกอบรมด้านพระคัมภีร์และเทววิทยาต้องประกอบไปด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้
ก) ประการแรก น่าจะเป็นลักษณะที่รวบรัดและสอดคล้องกับข่าวสารที่จะถูกถ่ายทอด ควรมีการนำเสนออันหลากหลายของความเชื่อคริสตชนในวิธีการที่ถูกจัดไว้อย่างดีและมีความสอดคล้องของเนื้อหาต่างๆ โดยอาศัยทัศนะเกี่ยวกับความเป็นพื้นฐานของข้อมูลอันมีความสำคัญตาม “ฐานานุกรมแห่งความจริง”
ข) การสังเคราะห์ในเรื่องความเชื่อนี้ควรเป็นไปเพื่อช่วยครูคำสอนให้บรรลุวุฒิภาวะในความเชื่อของเขา และทำให้เขาสามารถให้คำอธิบายเกี่ยวกับความหวังปัจจุบันในเวลากระทำพันธกิจนี้ นั่นคือ “สถานการณ์ยุคปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า การอบรมข้อคำสอนแก่ ฆราวาสคริสตชนเป็นเรื่องรีบด่วนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงเพื่อให้มีความเข้าใจดียิ่งขึ้นซึ่งเป็นธรรมดาสำหรับพลังแห่งความเชื่อ แต่ยังช่วยให้พวกเขาสามารถ “ให้เหตุผลสำหรับความหวังของเขา” เมื่อพิจารณาถึงโลกและปัญหาที่ร้ายแรงและซับซ้อนทั้งหลายของโลกนี้” (ChL 60c)
ค) ต้องเป็นการฝึกอบรมด้านเทววิทยา ที่ใกล้ชิดกับประสบการณ์มนุษย์ และสามารถเชื่อมโยงแง่มุมหลากหลายของสารคริสตชนกับชีวิตจริงของมนุษย์ “ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นและวินิจฉัยชีวิตจริงนั้นโดยอาศัยการพิจารณาตามพระวรสาร” (CT 22) การฝึกอบรมนี้ยังต้องนำเอารูปแบบการสอนคำสอนมาใช้ในทางใดทางหนึ่งขณะที่ยังคงรักษาเนื้อหาทางด้านเทววิทยาไว้อยู่
ง) ต้องเป็นแบบที่ครูคำสอน “ไม่เพียงแค่สามารถสื่อสารพระวรสารได้อย่างถูกต้องเท่านั้น แต่ต้องสามารถทำให้ผู้ที่ได้รับการสอนคำสอนนี้สามารถรับฟังพระวาจาได้อย่างกระตือรือร้น และสามารถเข้าใจในสิ่งที่กระบวนการทางจิตใจของเขาเห็นด้วยกับความเชื่อ” (GCD (1971) 112)