วุฒิภาวะของครูคำสอนทางด้านความเป็นมนุษย์ คริสตชนและธรรมทูต
239 เนื่องจากมีการบรรลุวุฒิภาวะของความเป็นมนุษย์เป็นเบื้องแรก (อ้างถึง GCM 21) การฝึกฝนการสอนคำสอน ที่มีการพิจารณาและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ครูคำสอนมีการเติบโตในด้านการมองเชิงวิเคราะห์ที่มีใจเป็นกลาง ด้านความซื่อสัตย์ ด้านความสามารถที่จะสัมพันธ์กับผู้อื่น ส่งเสริมการเสวนา มีจิตใจสร้างสรรค์และเข้าร่วมในการทำงานเป็นกลุ่ม (อ้างถึง GCM 21)
การบรรลุวุฒิภาวะของความเป็นมนุษย์จะเป็นเหตุให้เขาเติบโตในด้านการรู้จักเคารพและรักผู้ที่เตรียมตัวเป็นคริสตชนและผู้ที่กำลังเรียนคำสอนอยู่ “ความรักนี้เป็นอย่างไร เป็นความรักที่ไม่เพียงแค่มากยิ่งกว่าความรักแบบครูเท่านั้น แต่เป็นเหมือนความรักของพ่อ หรือค่อนข้างจะเป็นเหมือนความรักของแม่ เป็นความรักที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประสงค์ให้ผู้เทศน์สอนพระวรสารทุกคน และผู้ที่ร่วมสร้างพระศาสนจักรทุกคนมี” (EN 79) การฝึกอบรมยังน่าจะช่วยให้ความเชื่อของครูคำสอนได้รับการสนับสนุนและมีความเข้มแข็งโดยอาศัยการฝึกฝนการสอนคำสอน ทำให้เขาเติบโตขึ้นในฐานะเป็นผู้ที่มีความเชื่อ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด การอบรมได้บำรุงเลี้ยงชีวิตจิตของครูคำสอน (อ้างถึง ChL 60) เพื่อว่าการงานของเขาจะเกิดจากการเป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิตของเขาเองอย่างแท้จริง ทุกๆหัวข้อเรื่องที่มีในการฝึกอบรม ควรช่วยเพิ่มความเชื่อของครูคำสอนเป็นอันดับแรก อันที่จริง ครูคำสอนก็ได้สอนคำสอนให้กับผู้อื่นโดยการสอนคำสอนให้กับตัวเองเป็นคนแรก
การฝึกอบรมยังคงทำให้จิตสำนึกด้านการเผยแผ่ธรรมของครูคำสอนเพิ่มพูนขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็คือ ความมีสำนึกในการเป็นผู้ประกาศพระวรสารของครูคำสอน ด้วยเหตุนี้ เขาควรตระหนักถึงและดำเนินชีวิตอยู่ในความเพียรพยายามประกาศพระวรสารแบบเป็นรูปธรรมอย่างที่ทำกันอยู่ในสังฆมณฑลของเขาเอง เช่นเดียวกับที่พยายามทำในวัดของตน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับความรู้ที่ว่า พระศาสนจักรเฉพาะถิ่นมีพันธกิจของตนเอง วิธีที่ดีที่สุดที่จะเพิ่มความสำนึกด้านธรรมทูตคือ การทำตัวให้มีภาพลักษณ์เหมือนกับพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงเป็นครูและผู้ฝึกอบรมศิษย์ทั้งหลาย โดยการพยายามที่จะมีความขยันขันแข็งแบบที่พระเยซูเจ้าทรงมีเพื่อพระอาณาจักร โดยการเริ่มต้นการฝึกฝนการสอนคำสอนก็จะทำให้กระแสเรียกของการเป็นธรรมทูตของครูคำสอนที่ได้รับการส่งเสริมอย่างสม่ำเสมอโดยการอบรมต่อเนื่องพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนบรรลุวุฒิภาวะ