การสอนคำสอนในสภาพสังคมหลายรูปแบบและสลับซับซ้อน (อ้างถึง EN 51-56; MPD 15)
193 ชุมชนและปัจเจกชนจำนวนมากมายได้รับเรียกให้ดำเนินชีวิตสังคมฝ่ายโลกในหลากหลายรูปแบบ (อ้างถึง บทนำทั่วไป) ซึ่งเป็นรูปแบบสังคมที่ไร้ความเชื่อและไม่ใส่ใจในศาสนา ที่อาจต้องเผชิญกับการแสดงออกอย่างน่าประทับใจของกลุ่มบุคคลที่มีความยึดมั่นในศาสนาและวัฒนธรรมต่างๆกัน บรรดาปัจเจกชนจำนวนมากค้นหาสิ่งที่แน่นอนและคุณค่าต่างๆ อย่างเต็มที่จนปรากฏให้เห็นชัดเจน อย่างไรก็ตาม ศาสนารูปแบบเท็จเทียมต่างๆ ก็ยังมีปรากฏโดดเด่นอยู่ด้วยเช่นเดียวกับการเข้าถือความเชื่อแบบคลุมเครือไม่แน่นอน เมื่อคริสตชนบางคนต้องเผชิญกับความหลากหลายเช่นนี้จึงรู้สึกสับสนหรือหลงทาง พวกเขากลายเป็นผู้ที่ไม่สามารถหาวิธีการเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆหรือไม่สามารถวิจารณ์ข้อมูลต่างๆ ที่รับมาได้ พวกเขาอาจจะละทิ้งการถือปฏิบัติตามความเชื่อที่เคยทำเป็นประจำสม่ำเสมอไปเลย แล้วก็จบด้วยการดำเนินชีวิตเหมือนกับว่าไม่มีพระเป็นเจ้า
-บ่อยครั้งก็อาศัยบางสิ่งแทนศาสนาหรือศาสนาเท็จเทียมต่างๆ ความเชื่อของพวกเขาต้องเผชิญกับการทดสอบต่างๆ เมื่อโดนทดสอบหนักๆเข้า ความเชื่อนั้นก็อาจดับสูญไป นอกเสียจากว่าจะได้รับการหล่อเลี้ยงและค้ำจุนอย่างสม่ำเสมอ
194 ในสถานการณ์ต่างๆเหล่านี้ การสอนคำสอนด้วยการประกาศพระวรสารจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง การสอนคำสอนที่จะ “ต้องปลูกฝังจิตตารมณ์แห่งพระวรสาร และจะต้องถ่ายทอดเป็นภาษามนุษย์ที่ได้รับการประยุกต์ให้เหมาะกับยุคสมัยและผู้ฟัง” (อ้างถึง EN 54) การสอนคำสอนดังกล่าวพยายามค้นหาทางให้การศึกษาแก่คริสตชนตามฐานะของพวกเขาคือ ผู้รับศีลล้างบาปแล้ว ผู้มีความเชื่อ และสมาชิกของพระศาสนจักร ผู้ซึ่งเปิดใจเข้าเสวนากับโลก การ สอนคำสอนช่วยเตือนพวกเขาถึงองค์ประกอบพื้นฐานต่างๆ ของความเชื่อ และช่วยกระตุ้นกระบวนการกลับใจที่แท้จริง การสอน คำสอนจะต้องทำให้ความจริงและคุณค่าแห่งสารของคริสตชนเข้มแข็งขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของบรรดาคริสตชน ในเวลาที่ต้องเผชิญทั้งการโต้แย้งด้านทฤษฎีและการปฏิบัติ ช่วยพวกเขาให้รู้จักพิจารณาพระวรสารและดำเนินชีวิตประจำวันตามแนวทางแห่งพระวรสาร และทำให้พวกเขาสามารถให้เหตุผลต่างๆสำหรับความหวังของพวกเขา ทั้งยังสนับสนุนพวกเขาให้ปฏิบัติตามกระแสเรียกแห่งงานธรรมทูตโดยการเป็นพยาน การเสวนา และการประกาศพระวรสาร