แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

สารเกี่ยวกับการช่วยมนุษย์ให้เป็นอิสระ
103    ข่าวดีเกี่ยวกับพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าที่ประกาศ เรื่องความรอดนั้น  รวม “สารแห่งการปล่อยให้เป็นอิสระ” ด้วย (อ้างถึง EN 30-35)  ในการเทศน์สอนเรื่องพระอาณาจักรนี้พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับคนยากจนในรูปแบบที่พิเศษมาก “ท่านทั้งหลายที่ยากจนย่อมเป็นสุข  เพราะพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าเป็นของท่าน  ท่านที่หิวเวลานี้ย่อมเป็นสุข  เพราะท่านจะอิ่ม   ท่านที่ร้องไห้ในเวลานี้ย่อมเป็นสุข  เพราะว่าท่านจะหัวเราะ” (ลก 6:20-21)  เรื่องความสุขแท้จริงของพระเยซูเจ้า (the Beatitude of Jesus) ที่มุ่งไปยังบรรดาผู้ที่ทนทรมานเป็นการประกาศถึงเวลาที่พระคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อสิ่งที่พระอาณาจักรจะนำมาให้คือการปล่อยมนุษย์ให้เป็นอิสระ  และยังบันทึกประสบการณ์ความเจ็บปวดที่พระวรสารรับรู้สึกได้ง่ายเป็นพิเศษจริงๆ คือ ความยากจน  ความหิวกระหาย  และความทุกข์ทรมานของมนุษยชาติ  

ชุมชนของบรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าคือพระศาสนจักรได้ร่วมรับความรู้สึกในปัจจุบันเช่นเดียวกันกับที่พระอาจารย์เจ้าเองแสดงให้พวกเขาเห็น  พระศาสนจักรเบนความสนใจไปที่บรรดาผู้ทุกข์ทรมานด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์ใจยิ่งนัก  “อย่างที่เราทั้งหลายทราบดีว่า ประชาชนทั้งหลายกำลังต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อจะเอาชนะสภาพแวดล้อมเหล่านั้นทั้งหมดที่ผลักดันพวกเขาให้มีชีวิตอยู่อย่างหมดหวังในชีวิต  คือความอดอยาก  ความเป็นโรคเรื้อรัง  ความไม่รู้หนังสือ  ความยากจน  ความอยุติธรรมในความสัมพันธ์ระหว่างชาติ... การล่าเมืองขึ้นแบบใหม่ในทางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรม (อ้างถึง EN 30)  ความยากจนทุกรูปแบบ “ไม่เพียงแต่ด้านเศรษฐกิจเท่านั้น  ยังรวมถึงด้านวัฒนธรรมและด้านศาสนาอีกด้วย” (CA 57, อ้างถึง CCC 2444) เป็นเหตุแห่งความห่วงใยของพระศาสนจักร   ในฐานะที่สารแห่งการปล่อยให้เป็นอิสระเป็นส่วนสำคัญแห่งพันธกิจของพระศาสนจักร “พระศาสนจักรมีพันธะในภาระหน้าที่ -ดังที่บรรดาพระสังฆราชทั้งหลายได้เน้นย้ำว่า- ต้องประกาศการปลดปล่อยมนุษย์จำนวนหลายร้อยล้านคนให้เป็นอิสระ  ด้วยว่าคนจำนวนมากมายในบรรดาคนเหล่านั้นเป็นลูกของพระศาสนจักร  พระศาสนจักรมีหน้าที่ช่วยการปลดปล่อยนี้  เป็นพยานยืนยันความเชื่อ  และรับรองว่าจะพัฒนาจนเกิดผลอย่างสมบูรณ์”  (EN 30)

104    เพื่อช่วยให้คริสตชนทั้งหลายสามารถปฏิบัติหน้าที่นี้ได้  การสอนคำสอนจึงเลือกให้ความสนใจในหลักเกณฑ์ต่างๆ ดังนี้
    - การสอนคำสอนจะต้องจัดให้สารเรื่องการปล่อยให้เป็นอิสระ เป็น “เป้าหมายของการประกาศพระวรสารซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะในทางศาสนา” อันคือความหวังในอนาคต (EN 32, อ้างถึง SRS 41, RM 58)  เพราะว่าการสอนคำสอนคงจะขาดเหตุผลในการดำเนินงานของตนไป หากการสอนคำสอนเองถูกตัดขาดจากพื้นฐานทางศาสนาอันได้แก่เรื่องพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าที่การสอนคำสอนจะต้องรักษาไว้ในแนวทางของเทววิทยาที่สมบูรณ์” (อ้างถึง EN 32)   ดังนั้น สารแห่งการปล่อยให้เป็นอิสระ “มิอาจถูกจำกัดไว้ด้วยโลกอันมีขอบเขตจำกัดด้วยเรื่องใดๆ  ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ  การเมือง  สังคม  หรือคำสั่งสอนในศาสนา  แต่จะต้องโอบอุ้มบุคคลอย่างครบถ้วนในทุกด้านที่เขาแสดงออกและทุกส่วนประกอบของชีวิตเขา  อีกทั้งต้องเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเขากับความสมบูรณ์แบบ  แม้กระทั่งกับองค์สัมบูรณ์ (The Absolute) คือพระเป็นเจ้าด้วย” (EN 33 อ้างถึง LC คำสอนนี้เป็นจุดอ้างอิงสำหรับการสอนคำสอนเนื่องจากเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ)
    - ภายในขอบข่ายการศึกษาด้านศีลธรรม การสอนคำสอนควรจะนำเสนอศีลธรรมทางสังคมแบบคริสตชน อันเป็นดังคำสั่งและผลจาก “การปลดปล่อยให้เป็นอิสระครั้งใหญ่และสำคัญมากที่พระคริสตเจ้าได้ทรงกระทำ” (อ้างถึง LC 71) อันที่จริง ข่าวดีที่บรรดาคริสตชนประกาศยืนยันด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความหวังก็คือ   พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยมวลมนุษย์ให้เป็นอิสระแล้ว และก็ยังปลดปล่อยอยู่ต่อไป  นี่คือที่มาของธรรมเนียมปฏิบัติแบบคริสตชน  อันเป็นการทำให้บัญญัติรักที่ยิ่งใหญ่นั้นสมบูรณ์
    - ขณะเดียวกัน  ในหน้าที่ของงานธรรมทูตที่นำเข้าสู่ชีวิต คริสตชนซึ่งการสอนคำสอนต้องรับผิดชอบนั้น  การสอนคำสอนจะต้องกระตุ้นผู้เตรียมตัวเป็นคริสตชนและบรรดาผู้ที่เรียนคำสอนอยู่ถึงเรื่อง “ทางเลือกที่ให้สิทธิพิเศษแก่คนยากจน” (SRS 42, CA 57, LC 68, อ้างถึง CCC 2443-2449)  ซึ่ง “ไม่ได้เป็นลักษณะของความเห็นแก่ตัวหรือหมู่กลุ่ม” ทำให้ความเป็นสากลของลักษณะและพันธกิจของพระศาสนจักรปรากฏชัดเจน ทางเลือกนี้มิได้ผูกขาดไว้กับใครเป็นการเฉพาะ” (LC 68)  แต่แสดงนัยถึง “คำสัญญาที่จะให้ความยุติธรรม” ตามบทบาท  กระแสเรียกและสภาพแวดล้อมของแต่ละคน” (SRS 41, อ้างถึง LC 77)