แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

การสอนคำสอนและการสอนศาสนาในโรงเรียน

153931ลักษณะเฉพาะของการสอนศาสนาในโรงเรียน
73    ภายในศาสนบริการด้านพระวาจา  ลักษณะเฉพาะของการสอนศาสนาในโรงเรียนต่างๆ  และความสัมพันธ์ระหว่างการสอนศาสนาในโรงเรียนกับการสอนคำสอนเด็กๆ และเยาวชน  ควรได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
    ความสัมพันธ์ระหว่างการสอนศาสนาในโรงเรียนต่างๆ กับการสอนคำสอน  เป็นความสัมพันธ์ของความแตกต่างกันและการเกื้อกูลกัน   กล่าวได้ว่า “เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแยกแยะอย่างชัดแจ้งให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการสอนศาสนากับการสอนคำสอน”  (สมณะกระทรวงเพื่อการศึกษาคาทอลิก , “มิติด้านศาสนาของการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิก”  7 เม.ย. 1988, ข้อ 68)

สิ่งที่ให้ลักษณะการประกาศพระวรสารแบบเฉพาะแก่การสอนศาสนาในโรงเรียนต่างๆ ก็คือ  ความจริงที่ว่า การสอนศาสนาต้องหยั่งรู้เนื้อหาของวัฒนธรรมที่มีลักษณะพิเศษ  และต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาความรู้ด้านอื่นๆ  ในฐานะที่เป็นรูปแบบดั้งเดิมรูปแบบหนึ่งของศาสนบริการด้านพระวาจา    การสอนศาสนาในโรงเรียนทำให้พระวรสารยังคงมีอยู่ในกระบวนการผสมผสานทางวัฒนธรรมของ นักเรียนแต่ละคนที่มีการวิเคราะห์และเป็นระบบ (สมณกระทรวงเพื่อการศึกษาคาทอลิก, เอกสารเรื่องโรงเรียนคาทอลิก 19 มี.ค. 1977  ข้อ 26)

การสอนศาสนาในโรงเรียนทั้งหลายได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพระวรสารที่มีพลังไว้ในบรรดาปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม  ที่ถูกซึมทราบโดยนักเรียนทั้งหลาย  และที่ถูกกำหนดโดยความรู้และคุณค่าต่างๆ ซึ่งถูกนำเสนอในหลากหลายรายวิชาที่โรงเรียนกำหนดไว้ และการสอนศาสนานี้หาทางที่จะ “สัมผัสกับอีกหลายองค์ประกอบของความรู้และการศึกษาของนักเรียน   เพื่อให้จิตใจของบรรดานักเรียนได้ซึมซาบพระวรสารในขอบเขตการเรียนรู้ของพวกเขา  และความกลมกลืนแห่งวัฒนธรรมของพวกเขาก็จะเกิดขึ้นเมื่อได้พิจารณาถึงความเชื่อ”  (CT 69)
    ดังนั้น  จึงจำเป็นต้องให้การสอนศาสนาในโรงเรียนต่างๆ  ปรากฏเป็นรายวิชาหนึ่งที่มีความต้องการการเป็นระบบและมีความแข็งขันเช่นเดียวกับวิชาอื่นๆ   ทั้งยังต้องเสนอสารของคริสตชนและเหตุการณ์ทางคริสตศาสนาอย่างจริงจัง และลึกซึ้งเช่นเดียวกับที่วิชาอื่นๆ เสนอความรู้ของตน   การสอนศาสนาไม่ควรเป็นเพียงส่วนเสริมของวิชาอื่นๆ   แต่ควรมีส่วนร่วมในการสนทนาระหว่างรายวิชาต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นประการหนึ่ง   การสนทนาเช่นนี้เป็นสิ่งที่ควรจัดให้มีขึ้นเพื่อให้ทุกวิชาได้สร้างบุคลิกลักษณะของนักเรียน   ในแนวทางเช่นนี้การนำเสนอสารของคริสตชนจะส่งผลให้เข้าใจต้นกำเนิดของโลก  ความหมายของประวัติศาสตร์  พื้นฐานของคุณค่าต่างๆ เชิงจริยธรรม  บทบาทของศาสนาในวัฒนธรรม  ชะตากรรมของมนุษย์และความสัมพันธ์กับธรรมชาติ    โดยทางการสนทนาร่วมกันกับวิทยาการต่างๆ นี้  การสอนศาสนาในโรงเรียนจะช่วยเสริม  กระตุ้น   พัฒนา  และทำให้กิจกรรมการศึกษาของโรงเรียนครบถ้วนสมบูรณ์  (อ้างถึง  เอกสารสมณกระทรวงเพื่อการศึกษาคาทอลิก  เรื่องมิติด้านศาสนาของการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิก, l.c. 70)

ขอบข่ายงานโรงเรียนและบุคคลที่เป็นเป้าหมายของการสอนศาสนาในโรงเรียน
74    การสอนศาสนาในโรงเรียนทั้งหลายถูกพัฒนาขึ้นในสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนที่แตกต่างกัน  แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งลักษณะเฉพาะของตนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่มีความสำคัญต่างๆ กัน   สิ่งที่มีความสำคัญเหล่านี้ขึ้นอยู่กับสิทธิตามกฎหมายและสภาพการจัดระบบทฤษฎีการศึกษา  มุมมองส่วนตัวของครูและนักเรียนแต่ละคน  เช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์ระหว่างการสอนศาสนาในโรงเรียนทั้งหลายและครอบครัว หรือการสอนคำสอนตามวัด
    มันเป็นไปไม่ได้ที่จะลดรูปแบบของการสอนศาสนาในโรงเรียนที่มีอยู่หลากหลายให้น้อยลง เพราะรูปแบบต่างๆ ที่ได้พัฒนามานี้เป็นผลของข้อตกลงระหว่างรัฐและสภาพระสังฆราชในที่นั้น    อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีความพยายามที่จะทำให้การสอนศาสนาในโรงเรียนบรรลุวัตถุประสงค์และลักษณะเฉพาะของการสอนศาสนา  ( ดูอ้างอิงจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ )
    นักเรียนทั้งหลาย  “มีสิทธิ์ที่จะได้เรียนรู้ความจริงและได้รับความชัดเจนในศาสนาที่เขามีส่วนร่วม   สิทธิที่จะรู้จักองค์พระคริสต์   และสารเรื่องการช่วยให้รอดพ้น ซึ่งพระองค์ได้ประกาศ  อันเป็นสิ่งที่เราไม่อาจละเลยได้   ลักษณะการเป็นพยานของการสอนศาสนาในโรงเรียนทั้งหลายที่มีจุดเน้นต่างๆ กัน  ซึ่งขึ้นกับพระศาสนจักรในแต่ละประเทศ  เป็นเครื่องประกันที่จำเป็นอย่างยิ่งประการหนึ่งที่มอบให้แก่บรรดาครอบครัวและนักเรียนทั้งหลายที่เลือกรับการศึกษาเช่นนั้น”  ( ดูอ้างอิงจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ )
    เมื่อพิจารณาในสภาพการณ์ของโรงเรียนคาทอลิก การสอน ศาสนาเป็นส่วนของศาสนบริการด้านพระวาจาที่มีหลายรูปแบบและสมบูรณ์ได้เพราะศาสนบริการด้านพระวาจาเหล่านั้น ( การสอน คำสอน  การเทศน์  จารีตพิธีกรรม  ฯลฯ )  การสอนศาสนาเป็นสิ่งจำเป็นต่อบทบาทการสอนของศาสนบริการด้านพระวาจา  และเป็นพื้นฐานให้ศาสนบริการด้านพระวาจาคงอยู่ด้วย  (อ้างถึง CT 69)
    ในขอบข่ายของโรงเรียนรัฐบาล  หรือโรงเรียนที่ไม่สังกัดองค์กรศาสนาใดๆ   ที่ซึ่งอำนาจการปกครองหรือภาวะแวดล้อมอื่นๆ กำหนดให้การสอนศาสนาเป็นการสอนแบบร่วมกัน   ทั้งคาทอลิกและไม่ใช่คาทอลิก (อ้างถึง CT 33)  อันจะนำให้เกิดลักษณะสัมพันธ์ระหว่างคริสตศาสนานิกายต่างๆ  และความตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาต่างๆ มากขึ้น
    ในสภาพการณ์อื่นๆ  การสอนศาสนาจะมีลักษณะทางวัฒนธรรมที่กว้างขวาง   และสอนความรู้ของศาสนาต่างๆ  รวมทั้งศาสนาคาทอลิกด้วย แม้จะเป็นกรณีนี้ โดยเฉพาะถ้ามีครูสอนที่มีความเคารพในคริสตศาสนาด้วยความจริงใจแล้ว    การสอนศาสนาก็ยังคงรักษาความสำคัญอันแท้จริงของ “การเตรียมประกาศพระวรสาร” ไว้ได้  (อ้างถึง CT 34)

75    ชีวิตและความเชื่อของนักเรียนซึ่งได้รับการสอนศาสนาใน โรงเรียน   จะมีลักษณะที่ถูกปั้นแต่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง   การสอนศาสนาควรตระหนักในความจริงนี้   เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายเมื่อสิ้นสุดการสอนศาสนาในโรงเรียน    ในกรณีของนักเรียนซึ่งมีความเชื่อ  การสอนศาสนาช่วยให้พวกเขาเข้าใจสารของคริสตชนได้ดีขึ้น   โดยการเชื่อมโยงสารนั้นกับเรื่องสำคัญของการดำรงชีวิตอยู่อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งคล้ายๆ กันในทุกศาสนา กับมนุษย์ทุกๆ คน กับ วิสัยทัศน์เกี่ยวกับชีวิตที่มีอยู่หลากหลายโดยเฉพาะที่ปรากฏเด่นชัดอยู่ในวัฒนธรรม     กับคำถามเกี่ยวกับศีลธรรมที่สำคัญซึ่งเผชิญหน้ากับมนุษยชาติในปัจจุบันนี้
    สำหรับนักเรียนทั้งหลายที่กำลังแสวงหา   หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับศาสนา   ในการสอนศาสนานี้พวกเขายังมีโอกาสที่จะค้นพบได้ว่าความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์อย่างแท้จริงเป็นเช่นไร    พระศาสนจักรตอบปัญหาของพวกเขาอย่างไร   และให้โอกาสพวกเขาพิจารณาการเลือกของเขาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
    ในกรณีของนักเรียนที่ยังไม่มีความเชื่อ  การสอนศาสนาต้องมีลักษณะของการประกาศเผยแผ่พระวรสารอย่างธรรมทูต  และมุ่งไปที่การตัดสินใจยอมรับความเชื่อ   ซึ่งการสอนคำสอนจะหล่อเลี้ยงและช่วยให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อต่อไป