การงานและรูปแบบต่างๆ ของศาสนบริการด้านพระวาจา
51 การงานที่สำคัญของศาสนบริการด้านพระวาจามีดังต่อไปนี้
- เรียกบุคคลให้มาร่วมกันและเชื่อ
งานนี้เป็นการแสดงถึงอำนาจในการเผยแผ่ธรรมซึ่งได้รับมอบโดยตรงจากพระเยซูเจ้า เราจะเข้าใจงานนี้ได้โดยมองผ่าน “การประกาศพระวรสารขั้นแรก” ซึ่งมุ่งไปยังผู้ที่ไม่มีความเชื่อ บรรดาบุคคลที่เลือกจะไม่เชื่อ บรรดาคริสตชนที่ดำเนินชีวิตแบบเหินห่างจากชีวิตคริสตชน บรรดาผู้ที่เชื่อถือศาสนาอื่นๆ (EN 51-53) การตื่นตัวในเรื่องศาสนาของบุตรหลานในครอบครัวคริสตชนก็เป็นรูปแบบที่สำคัญของการงานนี้
- การเริ่มต้น (Initiation)
ผู้ที่รับพระพรให้ตัดสินใจติดตามพระเยซูเจ้า “จะได้รับการสอนให้รู้จักชีวิตแห่งความเชื่อ พิธีกรรมและความรักแห่งประชากรของพระเป็นเจ้า” (AG 14) พระศาสนจักรกระทำการงานนี้เป็นพื้นฐาน ด้วยการสอนคำสอน ที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นทั้งแก่บุคคลที่ยังไม่ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์และผู้ที่ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์แล้ว รูปแบบที่สำคัญของงานรวมถึงเรื่องการสอนคำสอนผู้ใหญ่ที่ยังมิได้รับศีลล้างบาปในระยะเวลาเตรียมตัวเป็นคริสตชน การสอนคำสอนผู้ใหญ่ที่ล้างบาปแล้ว ซึ่งประสงค์กลับมาถือความเชื่อ หรือผู้ที่ต้องการทำให้การเริ่มต้นของเขาสมบูรณ์ การสอนคำสอนเด็กๆ และเยาวชน ก็มีลักษณะของการเริ่มต้น การอบรมชีวิตคริสตชนในครอบครัวและการสอนคริสตศาสนาในโรงเรียนก็เป็นการงานแบบการเริ่มต้นด้วย
- การศึกษาเรื่องความเชื่ออย่างต่อเนื่อง
ในหลายภูมิภาค มีการเรียกการงานในขั้นนี้ว่า “การสอน คำสอนแบบถาวร” (Pastores dabo vobis...n71: AAS 84 (1992) pp.729 ff; 782-783) การสอนคำสอนแบบนี้มุ่งให้บรรดาคริสตชนผู้ได้เริ่มเข้าสู่องค์ประกอบพื้นฐานของความเชื่อคริสตชน แต่ยังต้องการบำรุงเลี้ยงความเชื่อให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและลึกซึ้งขึ้นอย่างสม่ำเสมอตลอดชีวิตของเขา งานนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยรูปแบบที่หลากหลาย ได้แก่ แบบที่เป็นระบบและเฉพาะกาล จัดสำหรับแต่ละคนและสำหรับกลุ่มชน แบบองค์กรที่มีข้อผูกมัดแน่นอน หรือตามความสมัครใจ” (GCD (1971) 19d)
- บทบาทในพิธีกรรม
ศาสนบริการด้านพระวาจา ยังคงมีบทบาทในพิธีกรรม เพราะเมื่อพิจารณาในบริบทของกิจการศักดิ์สิทธิ์ มันคือส่วนร่วมอันสำคัญของกิจการนั้น (อ้างถึง SC 35; CCC 1154) โดยอาศัยรูปแบบต่างๆ แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดท่ามกลางรูปแบบเหล่านั้นก็คือ การเทศน์พระคัมภีร์ ส่วนรูปแบบอื่นๆ ในขอบข่ายพิธีกรรมประกอบด้วย การฉลองพระวาจาและคำสอนที่รับระหว่างพิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อีกประการหนึ่งคือ การกล่าวในพิธีนั้นต้องเป็นไปอย่างเหมาะสมกับการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ การฉลองสิ่งคล้ายศีล และเหนือสิ่งอื่นใด คือเรื่องการมีส่วนร่วมของสัตบุรุษในพิธีบูชาขอบพระคุณ ในฐานะที่เป็นวิธีการเบื้องต้นของการให้การศึกษาเรื่องความเชื่อ
- บทบาทในเทววิทยา
การงานนี้เป็นไปเพื่อพัฒนาความเข้าใจในเรื่องความเชื่อ และต้องตั้งอยู่ในพลังของ “fides quaerens intellectum” ซึ่งก็คือ ความเชื่อที่แสวงหาความเข้าใจ เพื่อทำให้งานนี้สำเร็จไปเทววิทยาจำต้องเผชิญกับรูปแบบการคิดทางปรัชญา รูปแบบหลากหลายของฮิวแมนิสซึม (คำว่า humanism มีหลายความหมายขึ้นอยู่กับคำที่มาประกอบ แต่อาจสรุปแบบง่ายได้ว่า เป็นหนึ่งในระบบความเชื่อเกี่ยวกับจักรวาลและชีวิตสำหรับกลุ่มคนที่คิดขึ้นมาเพื่อพวกเขาเอง จาก What is Humanism? โดย Frederick Edwords , Executive Director, American Humanist Association) และศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ และการเสวนากันกับแนวคิดต่างๆ ดังกล่าว งานนี้จะได้รับการพูดถึงอย่างชัดเจนก็ต่อเมื่อมีการส่งเสริม “การอธิบายเป็นระบบวิชาการ และการค้นคว้าแบบวิชาการในเรื่องความจริงต่างๆ เกี่ยวกับความเชื่อ (GCD(1971) 17, อ้างถึง GS 62g)
52 รูปแบบสำคัญๆ ของศาสนบริการด้านพระวาจา คือการป่าวประกาศครั้งแรก หรือการสั่งสอนแบบธรรมทูต การสอนคำสอนก่อนและหลังรับศีลล้างบาป รูปแบบต่างๆ ในพิธีกรรม และรูปแบบต่างๆ ทางเทววิทยา ดังนั้น สิ่งที่มักเกิดขึ้นบ่อยสำหรับเหตุผลต่างๆทางการอภิบาล คือ รูปแบบสำคัญๆ ของศาสนบริการด้านพระวาจาต้องปรากฏการงานมากกว่าหนึ่งอย่าง ตัวอย่างเช่น บ่อยครั้งที่การสอนคำสอนพร้อมด้วยรูปแบบต่างๆ ของการเริ่มต้นก็ได้ทำให้งานการเผยแผ่ธรรมสำเร็จไปด้วย การเทศน์พระคัมภีร์เดียวกันสามารถเป็นทั้งการงานของการชุมนุมทางศาสนาและของการเริ่มต้นที่สมบูรณ์ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์