สมโภชพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล
ปฐมกาล 3:9-15, 20; เอเฟซัส 1:3-6, 11-12; ลูกา 1:26-38
บทรำพึงที่ 1
นาวิกโยธิน และรูปภาพ
พระนางมารีย์ทรงเป็นพระมารดาผู้นิรมล ผู้ประทานความหวังแก่เรา เพื่อให้เราสามารถดำรงชีวิตร่วมกันฉันพี่น้องได้สักวันหนึ่ง
วันหนึ่งระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นาวิกโยธินกลุ่มหนึ่งออกลาดตระเวนบนเกาะกวมในแปซิฟิกตอนใต้ พวกเขาพบทหารญี่ปุ่นสามคนกำลังวิ่งหนี ทั้งสองฝ่ายต่างยิงใส่กัน และทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตทั้งสามคน
นาวิกโยธินคนหนึ่งชื่อ ซีริล โอเบรียน ทำการตรวจค้นร่างไร้ชีวิตของทหารทั้งสามเพื่อหาลูกระเบิดและวัตถุที่อาจเป็นข้อมูลความลับทางทหาร ขณะที่โอเบรียนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อที่โชกเลือดของทหารคนหนึ่ง เขาสัมผัสกับกระดาษแข็งบาง ๆ ชิ้นหนึ่ง เขาดึงออกมา และแปลกใจมากที่พบว่าเป็นภาพของพระนางพรหมจารีมารีย์ ทหารญี่ปุ่นเก็บภาพนี้ไว้ในกระเป๋าแนบกับหัวใจของเขา
โอเบรียนเก็บภาพนั้นไว้ ต่อมาเขาสอดภาพนี้ไว้ในหนังสือภาวนาของเขาเพื่อเตือนใจเขาเสมอให้สวดภาวนาอุทิศให้แก่ทหารที่เป็นเจ้าของภาพ
เรื่องนี้น่าประทับใจด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรก เรื่องนี้ทำให้เรารับรู้ข้อมูลส่วนตัวของทหารญี่ปุ่นคนนี้ ภาพเดียวที่เขาเลือกนำติดตัวมาต่อสู้ในสงครามไม่ใช่ภาพของพระเจ้าพระบิดา หรือของพระเยซูเจ้า หรือของพระจิตเจ้า แต่เป็นภาพของพระนางมารีย์ และกระเป๋าที่เขาเลือกใช้เก็บภาพนี้ก็อยู่แนบติดกับหัวใจของเขา
เหตุผลประการที่สองที่ทำให้เรื่องนี้น่าประทับใจก็คือ เรื่องนี้ทำให้เรารับรู้ข้อมูลส่วนตัวของนาวิกโยธินผู้พบภาพนี้ เขาไม่ได้โยนภาพนั้นทิ้ง แต่เก็บไว้ เขาสอดภาพนั้นไว้ในหนังสือภาวนาของเขา และภาวนาทุกวันอุทิศให้ทหารญี่ปุ่นผู้เคยเก็บภาพนั้นแนบกับหัวใจของเขา
นาวิกโยธินคนนี้ทำเช่นนี้เพราะภาพนี้ช่วยให้เขาเห็นว่าทหารญี่ปุ่นคนนี้ไม่ใช่ศัตรูของเขา แต่เป็นพี่น้องของเขา เขาทั้งสองมีมารดาฝ่ายจิตคนเดียวกัน คือ พระนางมารีย์
เรื่องนี้ทำให้เราคิดถึงวันฉลองพระนางมารีย์ ซึ่งเราฉลองกันวันนี้ ในวันฉลองนี้ เราไม่เพียงเฉลิมฉลองที่พระนางมารีย์ไม่เคยด่างพร้อยจากบาปตั้งแต่เวลาที่พระนางปฏิสนธิ และทรงรักษาความบริสุทธิ์นี้ไว้ตลอดชีวิตของพระนาง
และเรายังเฉลิมฉลองความจริงว่าพระนางทรงเป็นมารดาฝ่ายจิตของมนุษย์ทั้งมวล เพราะเหตุนี้ พระนางจึงทำให้เรามีความหวังว่าวันหนึ่งเราจะเริ่มมองเห็นกันและกัน อย่างที่นาวิกโยธินอเมริกันคนนี้มองเห็นทหารญี่ปุ่น คือ มิใช่เป็นศัตรู แต่เป็นพี่น้องกัน
ชาวอเมริกันที่เป็นคาทอลิกมีความศรัทธาเสมอมาต่อพระนางมารีย์ ภายใต้สมญานามว่าพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล เราถวายตัวต่อพระนางภายใต้สมญานามนี้ตั้งแต่ต้นประวัติศาสตร์ชาติของเรา
ดังนั้น วันนี้เราจึงเฉลิมฉลองพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมลด้วยความยินดี และความกตัญญูเป็นพิเศษ นี่คือวันฉลอง “ของเรา”
เราจะสรุปบทรำพึงนี้ด้วยบทภาวนาต่อพระนางมารีย์ นี่คือบทภาวนาที่คริสตโตเฟอร์ โคลัมบัส และลูกเรือ ภาวนาทุกวันระหว่างการเดินทางไปค้นหาโลกใหม่
ทุกคืนพวกเขาจะมารวมตัวกันสวดภาวนาเวลาค่ำ และลงท้ายบทภาวนาด้วยการขับร้องบทเพลงวันทาพระราชินี (Salve Regina) พวกเราหลายคนคุ้นเคยกับบทเพลงนี้ในภาคภาษาอังกฤษ เราจะรำพึงภาวนาด้วยกันด้วยเนื้อร้องของบทเพลงนี้
วันทาพระราชินี พระแม่ผู้ทรงเมตตากรุณา
ทรงเป็นชีวิต ความอ่อนโยน และความหวังของลูกทุกคน
ลูกผู้เป็นลูกหลานที่ถูกเนรเทศของเอวา
ขอวันทาร้องหาพระแม่
ถอนใจคร่ำครวญร่ำไห้ในเหวน้ำตานี้
โปรดเถิดพระแม่ผู้ทรงช่วยเหลือเกื้อกูล
โปรดทอดพระเนตรเมตตามายังลูก
และเมื่อชีวิตเนรเทศนี้ผ่านพ้นไปแล้ว
โปรดแสดงให้ลูกเห็นพระเยซู พระบุตรผู้ทรงได้รับพระพร
ข้าแต่พระแม่ผู้เมตตากรุณา
พระแม่ผู้โอบอ้อมอารี
มารีย์พรหมจารีผู้มีพระทัยอ่อนโยน
บทรำพึงที่ 2
คำนำ
เพื่อจะเป็นพระมารดาของพระผู้ไถ่ พระนางมารีย์ได้รับพระพรอย่างอุดมบริบูรณ์ให้สมกับบทบาทที่พระนางต้องรับ เพราะเหตุนี้ เมื่อทูตสวรรค์กาเบรียลแจ้งสารต่อพระนาง จึงทักทายพระนางว่า “เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน” อันที่จริง ก่อนที่พระนางมารีย์จะสามารถแสดงความเชื่อด้วยการตอบรับคำประกาศกระแสเรียกของพระนางนั้น พระนางจำเป็นต้องได้รับพระหรรษทานจากพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
บทเทศน์
คุณพ่อมาร์ค ลิงค์, S.J. ได้แบ่งปันเรื่องราวที่สอดคล้องกับวันที่เราเทิดพระเกียรติพระมารดาพรหมจารีย์ของเราในวันฉลองพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล ว่าระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นาวิกโยธินอเมริกันกลุ่มหนึ่งได้ออกลาดตระเวนบนเกาะกวมในเขตแปซิฟิกตอนใต้ พวกเขาพบทหารญี่ปุ่นกำลังวิ่งหนี ทั้งสองฝ่ายยิงกัน และทหารญี่ปุ่นทั้งสามเสียชีวิตทันที
นาวิกโยธินคนหนึ่งชื่อ ซีริล โอเบรียน ได้ทำการตรวจค้นตามปกติเพื่อค้นหาว่ามีลูกระเบิด และสิ่งที่จะเป็นข้อมูลด้านความมั่นคงซุกซ่อนอยู่หรือไม่ เมื่อเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อที่โชกเลือดของทหารที่เสียชีวิตคนหนึ่ง เขาพบกระดาษแข็งบาง ๆ เมื่อเขาดึงออกมา เขาแปลกใจมากที่เห็นว่าเป็นภาพของพระนางพรหมจารีมารีย์ ทหารคนนี้มีความศรัทธาอย่างยิ่งต่อพระมารดามากจนเขาเก็บภาพนี้ไว้ในกระเป๋าแนบกับหัวใจของเขา ซีริล โอเบรียน สอดภาพนั้นไว้ในหนังสือภาวนาของเขาด้วยความเคารพ เพื่อเตือนใจให้เขาสวดภาวนาอุทิศให้แก่เจ้าของภาพนี้ ผู้ที่เขามั่นใจว่าขณะนี้ปลอดภัยอยู่ในสวรรค์ร่วมกับพระนางมารีย์ และพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระนางแล้ว
เรื่องที่น่าประทับใจนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเฉลิมฉลองของเราในวันนี้ สิ่งแรกคือเรื่องนี้แสดงให้เราเห็นว่าชนทุกชาติให้ความเคารพนับถือพระนางพรหมจารีมารีย์มากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุผลสองประการ คือพระนางมารีย์เป็นมนุษย์คนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ปราศจากมลทินจากบาปตั้งแต่นาทีที่พระนางปฏิสนธิ และเหตุผลประการที่สองคือพระนางมารีย์ พระมารดาพระเจ้า ทรงเป็นมารดาฝ่ายจิตของมนุษย์ทั้งมวล ดังนั้น ทุกคนในครอบครัวโลกของเราจึงสามารถเรียกพระนางได้อย่างถูกต้องเหมาะสมว่าเป็นมารดาของเขา
ข้าพเจ้าทำงานในคริสตจักรตำบลแห่งหนึ่งในเมืองมุมใบ วัดนี้มีสักการสถานสำหรับพระแม่มารีย์ ภายใต้สมญานามว่า “พระนางมารีย์ พระมารดานิจจานุเคราะห์” ทุกวันพุธตลอดปี จะมีประชาชนประมาณ 100,000 คน จากทุกชนชั้น ลัทธิ และชุมชน พากันมาร่วมในกิจศรัทธาซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เวลาเจ็ดโมงเช้า และจบลงในเวลาสิบเอ็ดโมงกลางคืน ตามปกติประชาชนเหล่านี้ไม่ย่างเข้ามาในวัดคาทอลิก หรือเข้าร่วมในศาสนพิธีของคาทอลิก แต่พวกเขาจะร่วมสวดภาวนาอย่างศรัทธาร้อนรน ร่วมขับร้องเพลง และตั้งใจฟังบทเทศน์ คนเหล่านี้มาอยู่ที่นั่นด้วยเหตุผลพิเศษ ไม่ว่าเขาจะถือศาสนาใด แต่เขาเชื่อจริง ๆ ว่าพระนางมารีย์ทรงเป็นมารดาของเขา และเขามีสิทธิจะร้องขอความช่วยเหลือฉันมารดาจากพระนางเหมือนกับคนอื่น ๆ เพราะพระนางทรงเป็นมารดาของมนุษยชาติทั้งมวล
ระหว่างห้าปีที่น่าจดจำ และแม้แต่หลังจากนั้น ข้าพเจ้าได้ประจักษ์ด้วยตาตนเองว่ามีอัศจรรย์หลายครั้งที่เกิดขึ้นผ่านการเสนอวิงวอนของพระนางมารีย์ พระมารดานิจจานุเคราะห์ ครั้งหนึ่ง สตรีคนหนึ่งมาหาข้าพเจ้าอย่างเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เธอทำตั๋วเครื่องบินและหนังสือเดินทางหาย และเธอจำเป็นต้องใช้ทั้งสองสิ่งนี้อย่างเร่งด่วนเพราะเธอจะต้องเดินทางไปยังเมืองอาบูดาบีในวันรุ่งขึ้น การค้นหาตั๋วเครื่องบินและหนังสือเดินทางที่สูญหายให้พบภายในเวลาข้ามคืนในเมืองที่มีประชากรเกือบ 19 ล้านคน ก็ไม่ต่างจากการค้นหาเข็มในกองฟาง การทำหนังสือเดินทางใหม่จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4-5 สัปดาห์ และสตรีคนนี้จำเป็นต้องออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น มิฉะนั้น เธอจะตกงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอไม่อาจยอมเสี่ยงได้
เมื่อเธอรบเร้า ข้าพเจ้าจึงพาเธอไปที่วัด และเราทั้งสองคุกเข่าลงภาวนาด้วยความเชื่อ และวิงวอนอย่างร้อนรนผ่านทางการเสนอวิงวอนของพระมารดานิจจานุเคราะห์ ข้าพเจ้าต้องสารภาพว่าข้าพเจ้าไม่สามารถระงับความคลางแคลงใจว่านี่คือสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่พระเยซูเจ้าทรงบอกเราเองว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อสักเท่าเมล็ดมัสตาร์ด แล้วพูดกับภูเขานี้ว่า ‘จงย้ายจากที่นี่ ไปที่โน่น’ มันก็จะย้ายไป และไม่มีอะไรที่ท่านจะทำไม่ได้” (มธ 17:20) แต่สตรีผู้อับจนหนทางผู้นี้มีความเชื่อ และความวางใจเช่นนั้น เธอออกจากวัดอีกไม่กี่นาทีต่อมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง แต่เจือปนด้วยความหวัง
เช้าวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ เมื่อเปิดประตู ข้าพเจ้าตกตะลึงที่เห็นสตรีคนนี้ยืนยิ้มกว้าง เธอชูตั๋วเครื่องบิน และหนังสือเดินทางให้ดูโดยไม่พูดอะไร ข้าพเจ้ายืนงงด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ สตรีผู้นี้อธิบายว่าเมื่อเย็นวันก่อน ขณะที่เธอจ่ายค่าแท็กซี่และอุ้มลูกเล็ก ๆ ไว้ในมืออีกข้างหนึ่งของเธอ เธอทำทั้งตั๋วเครื่องบินและหนังสือเดินทางตกบนพื้นรถแท็กซี่โดยไม่รู้ตัว ไม่มีทางที่เธอจะระบุได้ว่าเธอได้ขึ้นรถแท็กซี่คันใด ดังนั้น ถ้าเธอไปแจ้งความก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ด้วยพระฌานสอดส่อง ผู้โดยสารแท็กซี่รายต่อไปพบสิ่งของเหล่านี้ และเข้าใจดีว่าเจ้าของคงกำลังกังวลใจมาก เขาไม่สามารถนำสิ่งของนี้ไปคืนให้ในทันทีได้ เพราะเขากำลังจะไปเข้าเวรทำงานกะกลางคืน แต่เมื่อเขาปฏิบัติหน้าที่เสร็จแล้ว เขาก็ขึ้นแท็กซี่นำสิ่งของไปคืนให้เธอจนถึงบ้านด้วยตนเอง สตรีผู้นี้ดีใจมากที่สุด เพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณ เธอเสนอว่าจะจ่ายค่าแท็กซี่ให้แก่ชาวสะมาเรียใจดีผู้นี้ แต่เขาบอกปัดอย่างสุภาพว่าไม่จำเป็น ข้าพเจ้าและสตรีคนนี้เดินไปที่วัดด้วยกัน และคุกเข่าลงเบื้องหน้าพระแม่มารีย์ พระมารดานิจจานุเคราะห์ และขอบพระคุณพระนาง
ถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของสิ่งสร้างทั้งปวง พระนางมารีย์ก็ทรงเป็นพระมารดาของทุกสิ่งที่ถูกเนรมิตสร้างขึ้นมาใหม่ ถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาแห่งการสถาปนาทุกสิ่ง พระนางมารีย์ก็ทรงเป็นพระมารดาของการสถาปนาทุกสิ่งขึ้นมาใหม่ ถ้าพระเจ้าทรงให้กำเนิดพระบุตรผู้ซึ่งทุกสิ่งถูกสร้างผ่านทางพระองค์ พระนางมารีย์ก็ทรงให้กำเนิดพระองค์ผู้ซึ่งทุกสิ่งได้รับความรอดพ้นผ่านทางพระองค์ ถ้าพระเจ้าทรงให้กำเนิดพระผู้ซึ่งไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ได้โดยปราศจากพระองค์ พระนางมารีย์ก็ทรงให้กำเนิดพระผู้ซึ่งทุกสิ่งที่ดำรงอยู่ไม่อาจเป็นสิ่งดีได้โดยปราศจากพระองค์
ให้เราหันมาพึ่งพระแม่ของเรา และภาวนาว่า “วันทาพระราชินี พระแม่ผู้ทรงเมตตากรุณา ทรงเป็นชีวิต ความอ่อนโยน และความหวังของลูกทุกคน ลูกผู้เป็นลูกหลานที่ถูกเนรเทศของเอวา ขอวันทาร้องหาพระแม่ ถอนใจคร่ำครวญร่ำไห้ในเหวน้ำตานี้ โปรดเถิดพระแม่ผู้ทรงช่วยเหลือเกื้อกูล โปรดทอดพระเนตรเมตตามายังลูก และเมื่อชีวิตเนรเทศนี้ผ่านพ้นไปแล้ว โปรดแสดงให้ลูกเห็นพระเยซู พระบุตรผู้ทรงได้รับพระพร ข้าแต่พระแม่ผู้เมตตากรุณา พระแม่ผู้โอบอ้อมอารี มารีย์พรหมจารีผู้มีพระทัยอ่อนโยน”