พระเยซูเจ้ากับพระมารดา
ข่าวดี ยน 19:25-27
(25)พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระองค์พร้อมกับน้องสาวของพระนาง มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา (26)เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นพระมารดาและศิษย์ที่รักยืนอยู่ใกล้ ๆ จึงตรัสกับพระมารดาว่า “แม่ นี่คือลูกของแม่” (27) แล้วตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” นับตั้งแต่นั้น ศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนางเป็นมารดาของตน
เป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่โรมถือว่าอันตรายจนต้องประหารชีวิต และยิ่งอันตรายหนักเข้าไปอีกที่จะแสดงความรักต่อบุคคลที่บรรดาผู้นำทางศาสนาของชาวยิวถือว่าสอนผิด (heretic)
แต่กลับมีบุคคลกลุ่มหนึ่งกล้าไปยืนอยู่เคียงข้างไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า
“ความรักแท้ได้ขับไล่ความกลัว” ออกไปจากจิตใจของพวกเขาจนหมดสิ้นแล้ว !
เมื่อเทียบกับพระวรสารเล่มอื่นที่เล่าเหตุการณ์ ณ เชิงไม้กางเขนเข้าด้วยกันดังนี้
ยน 19:25 “พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระองค์พร้อมกับน้องสาวของพระนาง มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา”
มธ 27:56 “ในจำนวนนี้มีมารีย์ชาวมักดาลา และมารีย์มารดาของยากอบและของโยเซฟ และมารดาของบุตรเศเบดี (นางสะโลเม)”
มก 15:40 “สตรีบางคนมองดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ ในจำนวนนี้มีมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบคนเล็กและของโยเสท และนางสะโลเม (มารดาของบุตรเศเบดี)”
เราจะพบว่านอกจากตัวยอห์นเองแล้ว ยังมีสตรีอีกสี่ท่านยืนอยู่เคียงข้างไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า สตรีผู้กล้าหาญทั้งสี่คนได้แก่
1. พระนางมารีย์ มารดาของพระเยซูเจ้า พระนางอาจไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์กระทำ แต่ความรักในหัวใจของผู้เป็นแม่ไม่เคยจืดจาง โรมอาจจะเห็นพระองค์เป็นอาชญากร แต่พระองค์ยังคงเป็นบุตรของพระนางตลอดไป...
หัวใจของพระนางเป็นไปดังคำทำนายของสิเมโอนที่กล่าวว่า “พระเจ้าทรงกำหนดให้กุมารนี้เป็นเหตุให้คนจำนวนมากในอิสราเอลต้องล้มลง หรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการต่อต้าน เพื่อความในใจของคนจำนวนมากจะถูกเปิดเผย” ส่วนท่าน “ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน” (ลก 2:34-35)
2. สะโลเมภรรยาของเศเบดี นางเป็นมารดาของยากอบและยอห์น ครั้งหนึ่งนางมาหาพระเยซูเจ้าเพื่อขอตำแหน่งให้แก่บุตรของนางในพระอาณาจักรสวรรค์ แต่ถูกพระองค์ตำหนิ (มธ 20:20)
การปรากฏตัวของนางที่เชิงไม้กางเขน จึงให้บทเรียนเรื่องการ “ตำหนิ” แก่เรา นั่นคือ เราต้องสุภาพถ่อมตนพร้อมรับคำติเตียนโดยยังคงไว้ซึ่งความรักมั่นคงไม่สั่นคลอนดุจเดียวกับสะโลเม
และในเวลาเดียวกัน เราต้องพร้อม “ตำหนิ” ผู้อื่นโดยที่ความรักยังคงส่องแสงเจิดจ้าดังที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำต่อสะโลเม
3. มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส หรือตามต้นฉบับภาษากรีกคือ โคลปัส (Clopas) เป็นมารดาของยากอบคนเล็ก รวมถึงโยเซฟหรือโยเสท
ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ส่วนใหญ่ยอมรับว่า โคลปัส และ อัลเฟอัส เป็นวิธีเขียนชื่อภาษาอาราไมอิคของคน ๆ เดียวกันคือ Halphai
ยากอบบุตรอัลเฟอัสผู้เป็นหนึ่งในบรรดาอัครสาวก (มธ 10:2-4) จึงน่าจะเป็นบุคคลเดียวกันกับยากอบคนเล็กผู้เป็นบุตรของมารีย์ภรรยาของเคลโอปัสนี่เอง
4. มารีย์ชาวมักดาลา คือผู้ที่พระเยซูเจ้าเคยขับไล่ปีศาจเจ็ดตนออกไป (มก 16:9; ลก 8:2) ความรักของพระองค์ได้ช่วยชีวิตนางไว้จนนางไม่อาจลืมสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำแก่นางได้ ความรักที่นางมีต่อพระองค์จึงไม่มีวันจบสิ้น
คำขวัญประจำใจนางคือ “ฉันจะไม่มีวันลืมสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำแก่ฉัน” !
บนไม้กางเขน พระเยซูเจ้าทรงอดเป็นห่วงอนาคตของพระมารดาไม่ได้ พระองค์จึงฝากพระนางไว้ในความดูแลของยอห์นผู้เป็นศิษย์รัก
แม้กำลังทนทุกข์ใกล้จะสิ้นพระชนม์ พระองค์ไม่ทรงลืมหน้าที่อันบุตรพึงมีต่อบุพการี
พระองค์คิดถึงความทุกข์ของผู้อื่นมากกว่าความทุกข์ของพระองค์เองตราบจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย !