วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 29 (ปีคู่)
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 22:15-21)
ครั้งนั้น ชาวฟาริสีปรึกษากันเพื่อจับผิดพระวาจาของพระเยซูเจ้า จึงส่งศิษย์ของตนพร้อมกับคนที่นิยมกษัตริย์เฮโรดมาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ พวกเรารู้ว่าท่านเป็นคนเที่ยงตรง สั่งสอนวิถีทางของพระเจ้าตามความจริง โดยไม่ลำเอียง เพราะท่านไม่เห็นแก่หน้าใคร ดังนั้น โปรดบอกเราเถิดว่า ท่านมีความเห็นว่าการเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิซีซาร์เป็นการถูกต้องหรือไม่” พระเยซูเจ้าทรงหยั่งรู้เจตนาร้ายของเขา จึงตรัสว่า “พวกคนเจ้าเล่ห์ เจ้ามาทดลองเราทำไม จงนำเงินที่ใช้เสียภาษีมาให้ดูสักเหรียญหนึ่ง” เขาก็นำเงินเหรียญมาถวาย พระองค์จึงตรัสถามว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร” เขาตอบว่า “เป็นของพระจักรพรรดิซีซาร์” พระองค์จึงตรัสว่า “ของของซีซาร์ จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้า ก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด”
มธ 22:15-22 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีพวกเจตนาร้ายตั้งคำถามเพื่อให้พระคริสตเจ้าทรงตกหลุมพราง แต่พระองค์ก็ทรงสามารถที่จะวิจารณ์พวกเขากลับไปได้ ผู้มีความเชื่อจะต้องยอมอยู่ภายใต้อำนาจของบ้านเมืองซึ่งบริหารปกครองเพื่อความดีส่วนรวม อย่างไรก็ตามเมื่อใดที่ผู้มีอำนาจเรียกร้องในสิ่งที่ขัดต่อกฎต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือต่อมโนธรรมที่ถูกต้องแล้ว ผู้มีความเชื่อก็มีหน้าที่ที่จะปฏิเสธการปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น ที่ทำให้พวกเขาต้องกระทำบาป
คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก CCC ข้อ 2242 ประชาชนจำเป็นต้องเคารพมโนธรรมไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมือง เมื่อข้อกำหนดเหล่านี้ขัดกับข้อเรียกร้องของระเบียบทางศีลธรรม ขัดกับสิทธิพื้นฐานของบุคคล หรือขัดกับคำสั่งสอนของพระวรสาร การขัดขืนไม่ยอมเชื่อฟังผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมือง เมื่อข้อเรียกร้องของอำนาจปกครองเหล่านี้ขัดกับข้อเรียกร้องของมโนธรรมที่ถูกต้องเช่นนี้มีเหตุผลสนับสนุนจากความแตกต่างระหว่างการรับใช้พระเจ้าและรับใช้ชุมชนทางการเมือง “ของของซีซาร์ จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้า ก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด” (มธ 22:21) “เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์” (กจ 5:29)
“เมื่ออำนาจทางบ้านเมืองบังคับประชาชนเกินขอบเขตอำนาจของตน ประชาชนก็ไม่ควรปฏิเสธข้อเรียกร้องนั้น ถ้าข้อเรียกร้องเป็นประโยชน์จริงๆ แก่ชุมชนส่วนรวม แต่เขามีสิทธิที่จะปกป้องสิทธิของตนและของเพื่อนประชาชนขัดสู้กับการใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้องของผู้มีอำนาจปกครองภายในขอบเขตที่กฎธรรมชาติและกฎของพระวรสารจำกัดไว้”
CCC ข้อ 2419 “การเปิดเผยของคริสตศาสนา […] ส่งเสริมให้เราเข้าใจกฎของชีวิตสังคมได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”[160] พระศาสนจักรได้รับการเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ถึงความจริงเกี่ยวกับมนุษย์ เมื่อปฏิบัติพันธกิจการประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ในพระนามของพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรจึงเป็นพยานถึงศักดิ์ศรีและกระแสเรียกเฉพาะที่มนุษย์มีต่อความสัมพันธ์ของบุคคลต่างๆ พระศาสนจักรสอนมนุษย์ถึงข้อเรียกร้องของสันติภาพและความยุติธรรมตามพระปรีชาญาณของพระเจ้า
CCC ข้อ 2420 พระศาสนจักรตัดสินความถูกผิดด้านศีลธรรมในเรื่องเศรษฐกิจและสังคม “ในเมื่อสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลหรือความรอดพ้นของวิญญาณเรียกร้องให้ทำเช่นนี้”[161] พระศาสนจักรมีพันธกิจที่ต้องปฏิบัติในระเบียบศีลธรรมแตกต่างจากพันธกิจของอำนาจทางบ้านเมือง พระศาสนจักรสนใจเรื่องทรัพยากรทางโลกส่วนรวมของทุกคนในฐานะที่ทรัพยากรเหล่านี้ถูกจัดไว้ให้มุ่งหาความดีสูงสุดซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายของเรา พระศาสนจักรจึงพยายามที่จะปลูกฝังท่าทีที่ถูกต้องเกี่ยวกับทรัพยากรของโลกในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและสังคม
CCC ข้อ 2421 คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรได้พัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ 19 เมื่อพระวรสารต้องเผชิญหน้ากับสังคมอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่มีโครงสร้างมุ่งผลิตผลเพื่อการบริโภคซึ่งมีความคิดแบบใหม่เกี่ยวกับสังคม รัฐ และอำนาจปกครอง รวมทั้งรูปแบบใหม่ของแรงงานและการถือกรรมสิทธิ์ พัฒนาการความรู้ของพระศาสนจักรในเรื่องเศรษฐกิจและสังคมเป็นพยานว่าคำสอนของพระศาสนจักร รวมทั้งความหมายแท้จริงของธรรมประเพณีนั้นยังทรงคุณค่าถาวรและทันสมัยใช้ได้อยู่เสมอ
CCC ข้อ 2422 คำสอนของพระศาสนจักรเกี่ยวกับสังคมประกอบด้วยประมวลคำสอนที่พระศาสนจักรอธิบายความหมายของเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ด้วยความช่วยเหลือของพระจิตเจ้าโดยคำนึงถึงพระวาจาทั้งหมดที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงเปิดเผยไว้ คำสอนนี้ยิ่งเป็นแรงบันดาลใจการ กระทำของผู้มีความเชื่อมากขึ้นเท่าใด ก็ย่อมเป็นที่ยอมรับของมนุษย์ผู้มีน้ำใจดียิ่งขึ้นเท่านั้น
CCC ข้อ 2423 คำสอนของพระศาสนจักรเกี่ยวกับสังคมเสนอหลักการให้คิดพิจารณา เสนอมาตรการเพื่อตัดสิน ให้คำแนะนำเพื่อการกระทำทุกระบอบการปกครองที่ใช้หลักการด้านเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดความสัมพันธ์ทางสังคมล้วนขัดกับธรรมชาติและการกระทำของบุคคลมนุษย์ทั้งสิ้น
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)