บทเทศน์บทรำพึง
อาทิตย์ที่ 29 เทศกาลธรรมดาปี A
"ของของซีซาร์ จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้า ก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด"
หญิงสูงวัยคนหนึ่งหาเลี้ยงชีพด้วยการขายของเล็กๆน้อยๆ ในตลาด คนที่ซื้อของเธอนั้นเบียดบังเธอบ่อยๆ โดยการจ่ายเป็นเหรียญบุบๆ หรือเก่าๆ ซึ่งเธอก็จะรับไว้โดยไม่บ่น พยายามคิดว่าพวกเขาคงทำไปโดยไม่เจตนา ในตอนค่ำก่อนนอน เธอคุกเข่าภาวนาดังนี้ "ข้าแต่พระเจ้า ฉันได้รับเหรียญแย่ๆอย่างเงียบๆ โดยพยายามไม่ตัดสินพวกเขา ขอพระองค์โปรดรับฉันไว้โดยอย่าทรงตัดสินฉันเลย" พระเจ้าตรัสตอบว่า "เราจะตัดสินคนที่ไม่เคยตัดสินคนอื่นได้อย่างไร" พระวรสารของวันนี้ได้เล่าเรื่องพวกที่พยายามจับผิดพระเยซูเจ้า ด้วยเงินเหรียญที่ใช้เสียภาษี แต่กลับถูกทำให้เงียบเสียงลงด้วยเรื่องของเหรียญนั่นเอง (เรื่องเล่าจาก Sunday Seeds for Daily Deeds โดย Francis Gonsalves, S.J.)
ถ้าคุณเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ของเมืองแมนเชสเตอร์ ในประเทศอังกฤษ แล้วขอให้เขานำไปแผนกเหรียญโรมัน คุณจะพบเหรียญมันวาวที่ย้อนกลับไปถึงสมัยของพระเยซูเจ้า เหรียญนั้นใช้ในอิสราเอลสมัยของพระเยซูเจ้า ชื่อของเหรียญนั้นคือเหรียญเงิน เดนารีอุส (silver denarius) เมื่อเห็นเหรียญนั้นคุณจะระลึกถึงเรื่องอุปมาในพระวรสาร เช่น เรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี ที่นักบุญลูกาได้เล่าไว้ ว่าเขาให้เงินเจ้าของโรงเตี๊ยมไว้สองเหรียญเป็นค่าดูแลชายผู้เคราะห์ร้าย หรือเรื่องคนงานที่รับจ้างไปทำงานในสวนองุ่น ของนักบุญมัทธิวที่เล่าไว้ และเรื่องที่เกิดขึ้นในพระวรสารของวันนี้ นักบุญมัทธิวเล่าว่า พระเยซูเจ้าทรงขอดูเหรียญนั้น เพื่อจะทรงใช้ตอบโต้พวกเขาที่มีความประสงค์ร้ายต่อพระองค์ ถ้าดูเหรียญชัดๆ ด้านหน้าจะเห็นรูปของ ทีเบรีอัส ซีซาร์ (Tiberius Caesar) ซึ่งเป็นพระจักรพรรดิผู้ปกครองกรุงโรมในช่วงที่พระเยซูเจ้าทรงประกอบพระภารกิจต่อสาธารณชน และเป็นซีซาร์องค์เดียวกันที่นักบุญลูกาอ้างถึงในเหตุการณ์ที่ท่านยอห์น ผู้ทำพิธีล้างปรากฏตัวที่แม่น้ำจอร์แดนเพื่อทำพิธีล้าง (ลก 3:1) และด้านหลังของเหรียญเป็นรูปของพระนางลิเวีย (Livia) ผู้เป็นพระมารดาของทีเบรีอัส ซีซาร์ เป็นภาพพระนางประทับนั่ง พระหัตถ์ถือกิ่งมะกอกแห่งสันติภาพ (- เรื่องเล่าจาก Illustrated Sunday Homilies - Year A โดย Mark Link, SJ)
"ของของซีซาร์ จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้า ก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด" นี่เป็นคำตอบที่แหลมคม เป็นคำตอบที่เฉียบขาดของพระเยซูเจ้าต่อพวกฟาริสี และพรรคพวกของกษัตริย์เฮโรดที่พากันมาถามเพื่อจับผิดพระองค์ว่า การเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิซีซาร์เป็นการถูกต้องหรือไม่
อันที่จริง พวกฟาริสีกับพรรคพวกของกษัตริย์เฮโรดใช่ว่าจะสนิทกันก็หาไม่ เพราะทั้งคู่มีจุดยืนทางการเมืองที่ต่างกัน พรรคพวกของกษัตริย์เฮโรดเป็นพวกที่สนับสนุนอำนาจของจักรพรรดิโรมัน ดังนั้น พวกเขายินดีอย่างเต็มที่ที่จะเสียภาษีให้กับพระจักรพรรดิ แต่พวกฟาริสีเป็นชาวยิวที่เคร่งครัด พวกเขาถือว่าพระเจ้าแต่พระองค์เดียวที่ทรงเป็นกษัตริย์ ดังนั้น เขาจึงยินดีเสียภาษีให้แก่พระวิหารซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้ามากกว่า แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ใต้อำนาจการปกครองของจักรพรรดิโรมัน พวกเขาก็จำใจต้องเสียภาษีให้แก่พระจักรพรรดิเพื่อความอยู่รอด ส่วนสำหรับชาวโรมันนั้นการออกกฎให้ประเทศราชที่อยู่ใต้การปกครองเสียภาษีแก่ตนเป็นการแสดงให้เห็นถึงการยอมเป็นเมืองขึ้นของประเทศนั้นๆ แต่ที่ทั้งสองพวกยอมร่วมมือกันโดยหยุดเป็นศัตรูกันชั่วคราว ก็เพื่อต้องการกำจัดพระเยซูเจ้าให้พ้นทางไปก่อน และโดยความเป็นจริงแล้ว พวกเขาไม่ต้องการหาคำตอบจากพระองค์หรอก พวกเขามีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
การเข้ามาหาพระเยซูเจ้าโดยแสดงความชื่นชมอย่างเสแสร้ง เรียกพระองค์ว่าเป็นพระอาจารย์ ชมพระองค์ว่าเป็นคนเที่ยงตรง สั่งสอนวิถีทางของพระเจ้าตามความจริง โดยไม่ลำเอียง โดยไม่เห็นแก่หน้าใครนั้น เป็นเล่ห์เหลี่ยมประสามนุษย์ทั่วๆไปที่มักนำมาใช้กัน แต่พระเยซูเจ้ามิทรงหลงคารมนั้น ทรงรู้ดีรู้ลึกถึงจิตใจมนุษย์ รู้ถึงเจตนาร้ายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง จึงทรงย้อนโดยไม่เห็นแก่หน้าพวกเขาว่า "พวกคนเจ้าเล่ห์ เจ้ามาทดลองเราทำไม จงนำเงินที่ใช้เสียภาษีมาให้ดูสักเหรียญหนึ่ง" พวกเขาก็นำเงินเหรียญที่มีรูปจักรพรรดิโรมันมาถวาย ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของเหรียญก็คือผู้ที่มีรูปใบหน้าอยู่ในที่นั้นนั่นเอง
ดังนั้น พระเยซูเจ้าก็ทรงให้พวกเขาตอบคำถามเอง เมื่อเขาตอบว่าเหรียญนั้นเป็นของใคร ก็จงไปคืนให้กับคนนั้น และทรงเสริมว่า "ของของพระเจ้า ก็จงคืนให้พระเจ้า" มนุษย์เราอย่าลืมว่า พระเจ้าทรงสร้างเรามาตามพระฉายาของพระองค์ และแม้แต่สิ่งสร้างทั้งหลายก็เป็นผลงานแห่งฝีพระหัตถ์ของพระองค์ มีตราประทับของพระองค์ในทุกสิ่งสร้าง ดังนั้น ตามลำดับความสำคัญที่ถูกต้องแล้ว พระเจ้าต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด ส่วนหน้าที่อื่นๆ เป็นหน้าที่ที่รองลงมา โดยปกติการทำหน้าที่ประชากรของพระกับประชากรของรัฐใดรัฐหนึ่งมักจะไปด้วยกันได้ แต่เมื่อไรที่มีการขัดแย้งหรือตรงข้ามกัน เราต้องถือกฎของพระมาก่อน เช่น รัฐที่ออกกฎหมายให้มีการทำแท้งเสรี เราต้องทำตามคำสั่งสอนของพระศาสนจักรคือ ให้เคารพชีวิตมนุษย์ เราไม่สามารถทำลายชีวิตมนุษย์คนใดคนหนึ่งได้ เราก็ต้องยืนหยัดหลักของพระเจ้าจนถึงที่สุด (Based on : Seasons of the Word โดย Denis McBride, C.SS.R.)
(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เรียบเรียงใหม่ วันที่ 14 ตุลาคม 2020)