แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2017 สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา
มก 10:17-27
17ขณะที่พระองค์กำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” 18พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น

19ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” 20ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” 21พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” 22เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์

23พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” 24บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า 25อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” 26บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” 27พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• พระเยซูเจ้ากับบรรดาศิษย์เดินทางต่อไป ใกล้เยรูซาเล็ม ขณะที่ทรงพระดำเนิน เราพบเหตุการณ์ต่อไปในพระวรสารนักบุญมาระโก..

• กำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง
o พระวรสารยังเน้นอยู่ที่การเดินทางของพระเยซูเจ้ากับบรรดาศิษย์ เรื่องนี้ช่วยให้เห็นว่ามีชายหนุ่มร้อนรนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและแสดงความปรารถนาจะติดตามพระองค์ เขาต้องการเป็นศิษย์ของพระองค์เช่นอัครสาวกคนอื่น ๆ ด้วย
o สังเกตจากคำทักทายของเขา “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี” (Didaskale agathe/ didaskalos) แต่ในที่สุดเราพบว่าเขาไม่สามารถติดตามพระองค์

• ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง
o การคุกเข่าลงแสดงออกซึ่งการให้ความเคารพ ภาษากรีก “prosdramon” หมายถึงการวิ่งเข้ามาหาและหมอบลงแทบเท้า

• “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี”
o มาระโกเปิดเผยโดยทางอ้อมอาศัยการทักทายของชายหนุ่มคนนั้นว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น”

• ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร
o คำถามที่ต้องการคำตอบสำหรับอวสานกาล ชีวิตนิรันดรอันเป็นผลมาจากการเจริญชีวิต และ
o พระเยซูเจ้าเรียกร้องให้พิจารณาพื้นฐานสำคัญคือการถือบัญญัติที่ครบครัน
o อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา (อพย 20:13-16 ฉทบ 5:17-20)
o สังเกตว่า คำว่า “อย่าฉ้อโกง ไม่พบในพันธสัญญาเดิม ในบัญญัติของโมเสส” แต่ที่นี่พระเยซูเจ้าทรงเพิ่ม “อย่าฉ้อโกง” น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดที่มาระโก โดยการเปิดเผยของพระจิตเจ้า... “การฉ้อโกง” เป็นสิ่งที่น่าตระหนักและระวังที่สุดสำหรับการเดินทางเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า” เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ติดตาม หรือคนที่เป็นศิษย์ของพระองค์ ต้องไม่ฉ้อโกง”

• พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว
o เป็นความจริงที่ชายหนุ่มคนนี้มีพื้นฐานตามบัญญัติของพระเจ้า ถืออย่างเคร่งครัดมาตั้งแต่เด็ก และดูเหมือนน่าทึ่งจริงๆ กับความดีของเขาที่ถือบัญญัติ
o ดังนั้นพระเยซูเจ้าทรงตอบรับความครบครันของเขาในการถือบัญญัติ พระวรสารกล่าวว่า “พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู” พระวรสารบันทึกในต้นฉบับว่า “ขณะทอดพระเนตรเขา ทรงรักเขา” ดังนั้น การถือบัญญัติอย่างดีที่รักของพระอาจารย์
o และตรงนี้เองทำให้เราเห็นลักษณะความอ่อนโยนและสภาพมนุษย์ของพระองค์อีกครั้งอาศัยสายพระเนตรของพระองค์ตามที่มาระโกเสนอ

• พระองค์เรียกร้องให้ติดตาม แบบศิษย์ที่ต้องละทิ้งทุกสิ้ง...
o ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด
o แน่นอนที่สุดการเป็นคนบริบูรณ์นั้นเรียกร้องให้ถือบัญญัติก็ถูกต้องแล้ว
o แต่การที่จะได้รับพระอาณาจักรซึ่งหมายถึงการเข้ามาเป็นศิษย์ติดตามใกล้ชิดของพระองค์นั้นเรียกร้องการสละทุกสิ่ง
o ซึ่งทำให้เราย้อนกลับไปที่ความคิดเดิมที่สำคัญคือ “เราบอกความจริงกับท่านว่า ผู้ใดไม่รับพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างเด็กเล็กๆ เขาจะไม่เข้าสู่พระอาณาจักรนั้นเลย”
o เงื่อนไขคือ ใจยากจน ซึ่งหมายความว่าพระเยซูเจ้าและการติดตามพระองค์นั้นเรียกร้องวางใจในพระองค์อย่างครบครัน

• ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์
o อย่าตกใจนะ อย่าลืมนะ เขาได้พระอาณาจักรสวรรค์แน่ๆ เพราะเข้าเขาเป็นคนดี ครบครัน ถือบัญญัติทุกข้อ และพระเยซูเจ้าก็เห็นเช่นนั้น
o แต่ที่เขาต้องจากไป ติดตาม (เป็นศิษย์เหมือนอัครสาวกใกล้ชิด) พระองค์ไม่ได้นั้น ไม่ใช่เพราะเขาไม่ดี แต่เพราะเขาไม่สามารถละจากความมั่นคงและมั่งคั่ง เขาอาจลืมไปว่า พระองค์เท่านั้นคือความมั่นคงของชีวิต
o เรื่องนี้สอนคนที่ติดตามพระองค์มากกว่า และอยู่ในบริบทของการติดตามพระองค์ คือ ผู้ที่จะเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ พวกเราพระสงฆ์นักบวชโดยเฉพาะ... ต้องละทุกสิ่งจริงๆ และไม่ยึดติดสิ่งใดๆ

พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” 24บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า

อย่างนี้แล้วใครจะรอด ใครจะได้เข้าพระอาณาจักรสวรรค์... มีคำตอบ อย่าตกใจ
• อูฐจะรอดรูเข็ม เป็นภาษาแบบเกินความจริง Hyperbole เน้นว่า ชีวิตต้องเลือกพระเยซูเจ้าเป็นอันดับต้น และพระองค์สำคัญที่สุด ทรัพย์สมบัติ ไม่สำคัญเท่าพระองค์ นั่นคือประเด็น

• บรรดาศิษย์ถามว่าอย่างนี้แล้วใครจะรอด... คำตอบอยู่ในสายตของพระเยซู “พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบแล้วตรัสกับบรรดาศิษย์”
o สังเกตการทอดพระเนตรของพระองค์ว่าเป็นอย่างไร “ทอดพระเนตรโดยรอบ” แต่การตรัสของพระองค์นี้เน้นที่บรรดาศิษย์ของพระองค์

• บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้
o ก็ควรที่จะแปลกใจอย่างแน่นอน เพราะพวกเขามักจะแปลกใจเสมอเมื่อพระวาจาของพระเยซูเจ้านั้นยากที่จะยอมรับ เช่นเรื่องรหัสธรรมปัสกาของพระองค์ และในที่นี้สิ่งที่พระองค์ตรัสนั้นมาระโกเน้นแบบเกินความจริง เพื่อให้น้ำหนักกับภาษาตอนนี้
• “แล้วใครจะรอดได้...พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัส”
o ให้เราดูข้อที่ 24 อีกครั้ง “ลูกเอ๋ยยากจริงหนอ...”
o คำที่เป็นเนื้อหาส่วนที่สำคัญที่สุด เป็นกุญแจดอกสำคัญเพื่อเข้าใจพระวาจานี้
o ภาษากรีกเน้นคำว่า “tekna” (ลูกเอ๋ย)
o พระเยซูเจ้าทรงทอดพระเนตรพวกเขาและคำเรียกนั้นแสดงให้เห็นว่า สำหรับพวกศิษย์ของพระองค์นั้น พวกเขาจะสามารถรับพระอาณาจักรสวรรค์ได้แน่นอนถ้าพวกเขารับพระองค์เช่นเด็กเล็กๆ ที่เปิดหัวใจ วางใจ ต้อนรับ และยอมรับพระองค์
o และดูเหมือนพระองค์จะยอมรับว่าพวกเขารับพระองค์เช่นนั้น
o อย่างน้อยก็ปรากฏในคำเรียกของพระองค์เอง “ลูกเอ๋ย” คือทุกคนที่ยอมรับพระองค์รับพระองค์เหมือนเด็กเล็กๆที่วางใจในพระองค์

การไตร่ตรอง
• เราแต่ละคนเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้า เราปฏิบัติตนอย่างไรในฐานะศิษย์ของพระองค์??
o หันกลับไปมองพื้นฐานสำคัญของการถือบัญญัติ ก่อนที่จะพูดเรื่องการสละทุกสิ่งติดตามพระองค์ เราถือบัญญัติของพระเจ้าอย่างครบครันเพียงใด โดยเฉพาะบัญญัติแห่งความรัก???

• พระเยซูเจ้าทรงทอดพระเนตรชายหนุ่มคนนั้นด้วยความเอ็นดู เพราะเขาถือบัญญัติอย่างครบครัน
o เราแต่ละคนมองดูเพื่อนพี่น้องที่เป็นคนดีด้วยสายตาแบบใดบ้าง?? หลายคนเป็นคนดีเหลือเกิน แม้ร่ำรวยแต่ก็แสนดีในความเป็นคริสตชน เพราะเขาไม่ได้ถือว่า ความร่ำรวยหรือเงินทองเป็นพระเจ้า แต่พระเจ้าสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา...

• พระเยซู พระอาจารย์เจ้าจะทอดพระเนตรเราเสมอเช่นกันหรือไม่

• เราเป็นผู้ที่มีจิตใจเช่นเด็กที่ยอมรับพระองค์เพียงใด???

• “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”
o เราเชื่อในพระเจ้าถึงพลังของพระองค์ในการดำเนินชีวิตของเราแต่ละวันเพียงใด???