พี่น้องที่รัก หลังจากเทศกาลปาสกาที่เพิ่งจะผ่านไป อาภรณ์ของพระสงฆ์ที่ใช้ในพิธีกรรม ได้เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเขียว สีแห่งการเจริญเติบโต ซึ่งการเจริญเติบโตของเราคริสตชน วุฒิภาวะของคริสตชนต้องได้รับการหล่อเลี้ยงให้เติบโตขึ้น ด้วยชีวิตของพระเยซู ที่ได้รับทรมาน สิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ
พระวรสารในวันเหล่านี้ เป็นพระวาจาของพระเจ้าที่นำให้เราเห็นหนทางของการเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นตอนที่เราต้องบอกว่า นี่เป็นช่วงเวลาของการอบรมศิษย์ของพระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง เป็นการเดินทางของพระองค์ “จากกาลิลี สู่เยรูซาแลม”
การเดินทางที่เป็นเหมือนการเปลี่ยนวิถีชิวิตของบรรดาศิษย์ หลังจากที่ได้รับการอบรม การสอนของพระเยซู และเราจะเห็นได้ชัดเจนมากๆ ว่า บรรดาศิษย์มีความคิดความเข้าใจที่เดินสวนทางกับพระเยซูเจ้าเสมอ เหมือนพวกเขาไม่รู้จักและไม่เข้าใจพระองค์เอาเสียเลย
พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้ ( มก 10:46-52 ) เป็นบทสรุปที่ดีมากของชีวิตการเป็นศิษย์ติดตามพระเยซู คนตาบอดที่เมืองเยริโคคนนี้ ที่วันนี้เราพบว่า สิ่งที่เขาขอ ไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากขอให้แลเห็นเท่านั้น และหลังจากนั้น เราพบว่า เขาได้เดินตามพระองค์... การบันทึกของนักบุญมาระโกในพระวรสารวันนี้ เหมือนกำลังบอกกับบรรดาศิษย์ของพระเยซู เหมือนเป็นคำตอบสำหรับเราด้วยว่า ท่าทีของการติดตามพระเยซูเจ้า ท่าทีที่ถูกต้องของการเป็นศิษย์ของพระองค์นั้นเป็นเช่นใด
ผมทึ่งมากจริงๆ ที่พบว่า ชายตาบอดที่เยริโคคนนี้ เหมือนถูกเรียกจากพระเยซู ให้เข้ามาเป็นแบบอย่างของบรรดาศิษย์ของพระองค์จริงๆ ศิษย์ของพระองค์ที่ไม่เข้าใจอะไรพระองค์เอาเสียเลย ถูกสรุปลงในชีวิตของชายตาบอดคนนี้ทั้งหมด เขาเรียกพระองค์ “โอรสของกษัตริย์ดาวิด” เขากำลังประกาศยืนยันคล้ายๆ กับเปโตร ที่ประกาศว่าพระองค์คือพระคริสตเจ้า แต่เขาต่างกับเปโตรอย่างหนึ่งคือ เขาวอนขอพระองค์ให้ทรงเมตตาเขา “ให้ข้าพเจ้ามองเห็น” ให้เขามองเห็น... โอ้ น่าทึ่งจริงๆ ... ให้มองเห็น เห็นอะไร คำตอบที่น่าจัดเจนที่สุด คือเห็นวิถีชีวิตการเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ เหมือนกับ เขาเชื่อก่อนที่จะเห็นพระองค์ด้วย... สุดๆ ครับ พี่น้อง... เขาเชื่อในพระองค์ และบัดนี้ เขาวอนขอให้เขาเห็นพระองค์ เห็นหนทางและวิถีชีวิตของพระองค์ เพื่อเขาจะเดินตาม... ที่มากกว่านั้น น่าทึ่งที่สุดคือ เขาเรียกพระองค์ว่า “รับโบนี” แปลว่า “พระอาจารย์” พี่น้องที่รัก นี่คือคำที่บรรดาศิษย์ของพระองค์น่าจะต้องเรียกพระองค์ไม่ใช่หรือ อาจารย์ที่ต้องเป็นผู้นำหนทาง เป็นผู้นำความสว่าง เขามอบให้พระองค์ทำหน้าที่นี้ ให้เป็นหนทาง เป็นความสว่างของเขา เขาให้พระองค์เป็นผู้นำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับบรรดาศิษย์ของพระองค์โดยสิ้นเชิง เพราะบรรดาศิษย์อยากออกมาเป็นผู้นำพระองค์เสียเอง อยากกำหนดวิถีชีวิตให้พระองค์เดิน เพื่อพระองค์จะต้องเป็นใหญ่ เป็นกษัตริย์ แต่ว่า เขาไม่ยอมให้พระองค์นำทางชีวิตของเขา... สุดๆ ครับ พี่น้อง นี่เป็นบทสอนที่หักมุมกันจริงๆ ระหว่างคนตาบอดคนนี้กับบรรดาศิษย์
พี่น้องที่รัก ท่าทีของชายตาบอดคนนี้อีก เป็นท่าทีที่น่ารักจริงๆ... การสลัดเสื้อคลุมและวิ่งเข้าไปหาพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงเรียก เป็นท่าทีของการทิ้งทุกสิ่ง พร้อมที่จะไปหาพระองค์และมากกว่านั้นคือ ไปกับพระองค์ เขาลุกขึ้นทันที จากที่ที่เคยนั่งอยู่ และไปทันที ไปกับพระองค์
พี่น้องครับ ตลอดเรื่องการเดินทางมุ่งสู่กรุงเยรูซาแล็มนี้ พระองค์ทรงเปิดเผยถึงความจำเป็นที่จะต้องมีเป้าหมายที่เยรูซาแล็ม (8:31; 9:31 10:33) และด้วยเป้าหมายแห่งพระธรรมล้ำลึกแห่งปัสกานี้ พระองค์ทรงสอนเงื่อนไขในการติดตามพระองค์ (8:34-9:1; 9:35-50; 10:42-45) การรักษาคนตาบอดที่เยรีโคนี้เป็นช่วงสุดท้ายของการเดินทางก่อนถึงกรุงเยรูซาแล็ม แสดงออกให้เห็นลักษณะของบุคคลที่มีลักษณะท่าทีที่ถูกต้องเหมาะสมกับการเดินทางติดตามพระองค์ ร่วมทางกับพระองค์ คนๆนั้นคือ ผู้ที่ต้องเปี่ยมด้วยความเชื่อในตัวองค์พระเยซูเจ้า (identity of Jesus) และในพลังหรือความสามารถแห่งการช่วยให้รอดพ้นของพระองค์ (salvation) และแสดงออกซึ่งความเชื่อนี้ด้วยการเดินติดตามพระองค์ โดยสละละทิ้งทุกสิ่ง ลุกขึ้นจากที่ที่เคยอยู่ มอบทุกความวางใจและอนาคตไว้กับพระองค์ ให้พระองค์ทรงนำทางชีวิต การเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าคือ เชื่อ รู้จัก รัก วางใจ และเดินทางเดียวกับพระองค์ ไม่เป็นการเพียงพอที่จะมีทัศนคติ หรือความรู้ หรือความเข้าใจในพระเยซูเจ้า แต่สิ่งที่สำคัญคือ “การเติมเต็มความเชื่อของเรา ด้วยความเข้าใจหนทางของพระองค์ ให้หนทางของพระองค์เป็นหนทางของเราด้วยที่เราจะเดินตามพระองค์ ด้วยความไว้วางใจ ดังนั้น ในวันนี้ ให้เราขอพระองค์ กระโดดเข้าไปหาพระองค์ ขอพระองค์ทรงช่วยให้เราแลเห็น เข้าใจ ยอมรับ และเดินร่วมทางกับพระองค์ เป็นศิษย์ที่ดีของพระองค์จริง และที่สำคัญ การมองเห็น ขอให้เรามองเห็นพระองค์ มองเห็นพระองค์ในพี่น้องของเรา พระองค์ที่อยู่ในชีวิตของพี่น้องของเรา เป็นพระองค์เดียวกันที่จะช่วยเราให้มองเห็นความรักของพระเจ้า ด้วยการมองเห็นซึ่งกันและกัน และเป็นหนึ่งเดียวกัน และดังนี้เอง หนทางของการเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า ก็ไม่ยากอย่างที่คิด
ไปเถอะ ก้าวออกไปเถอะ เรียกพระองค์ว่า “รับโบนี” “พระอาจารย์ ขอให้ข้าพเจ้าแลเห็น” นั่นคือไม่ใช่ ข้างซ้ายข้างขวาที่เราจะขอกำหนดที่นั่งของเรา แต่ ขอให้เรามองเห็น เห็นหนทางของพระองค์ เข้าใจหนทางของพระองค์ และติดตามพระองค์ แบบศิษย์ที่เดินตามอาจารย์ ให้อาจารย์เป็นผู้นำ เป็นแบบอย่าง เป็นแสงสว่าง... วางใจแค่นี้ ก็มากพอแล้ว และเราจะไม่หลงเลย
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรและประทานสันติสุข
(ขอขอบคุณ : Francis Xavier, ofm.)