แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันพฤหัสบดี ฉลองอัครทูตสวรรค์มีคาเอล กาเบรียล และราฟาเอล

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 1:47-51)                                    

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นี่คือชาวอิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชื่อเพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์”


ยน 1:36-51  เป็นที่น่าสนใจว่าศิษย์บางคนในอัครสาวกกลุ่มแรกได้มาหาพระเยซูเจ้าตามคำเชิญของศิษย์ที่ได้ติดตามพระองค์อยู่ก่อนหน้าแล้ว เรื่องนี้อธิบายอย่างชัดเจนว่าการแพร่ธรรมหรือการประกาศพระวรสารนั้นโดยธรรมชาติแล้วจะบังเกิดขึ้นโดยผ่านทางมิตรภาพและความสัมพันธ์ส่วนบุคคล สิ่งนี้ยังอธิบายรวมไปถึงพระนามต่างๆ ของพระเยซูเจ้าด้วย เช่น ลูกแกะพระเจ้า รับบี พระเมสสิยาห์ พระบุตรพระเจ้า กษัตริย์แห่งอิสราแอล และบุตรแห่งมนุษย์ 

ชีวิตของมนุษย์ คือการรู้จักพระเจ้าและรักพระองค์

CCC ข้อ 3 ทุกคนที่รับการเรียกของพระคริสตเจ้าโดยที่พระเจ้าทรงช่วยเหลือ และตอบสนองโดยอิสระเช่นนี้ยังได้รับแรงผลักดันจากความรักต่อพระคริสตเจ้าให้ไปประกาศข่าวดีทั่วทุกแห่งในโลก เขาทั้งหลายได้รักษาสมบัติล้ำค่าที่ได้รับมาจากบรรดาอัครสาวกนี้ไว้อย่างซื่อสัตย์ ทุกคนที่มีความเชื่อในพระคริสตเจ้าได้รับเรียกมาให้ถ่ายทอดสมบัติล้ำค่านี้ต่อไป เพื่อประกาศความเชื่อ ดำเนินชีวิตร่วมกันฉันพี่น้องและร่วมเฉลิมฉลองโดยพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์และการอธิษฐานภาวนา

ความสัมพันธ์ของเรากับพระธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้า

CCC ข้อ 520 ตลอดพระชนมชีพของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์เป็นแบบฉบับของเราพระองค์ทรงเป็น “มนุษย์ครบครัน” และทรงเชื้อเชิญเราให้เป็นศิษย์ติดตามพระองค์ พระองค์ประทานแบบฉบับให้เราปฏิบัติตามโดยการถ่อมพระองค์ ทรงอธิษฐานภาวนาเป็นตัวอย่างการอธิษฐานภาวนา ทรงเรียกเราให้เอาอย่างความยากจนของพระองค์โดยยอมรับความขัดสนและการถูกเบียดเบียน

“ลูกแกะที่ทรงลบล้างบาปของโลก”

CCC ข้อ 608 ยอห์นผู้ประกอบพิธีล้าง หลังจากยอมประกอบพิธีล้างให้พระเยซูเจ้าพร้อมกับบรรดาคนบาปแล้ว เห็นในพระองค์และแจ้งให้ทุกคนรู้ว่าพระองค์คือ “ลูกแกะของพระเจ้าซึ่งลบล้างบาปของโลก” ดังนี้ เขาจึงเปิดเผยว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นทั้ง “ผู้รับใช้ผู้รับทรมาน” ที่ยอมมอบตนโดยไม่ปริปากให้ถูกนำไปฆ่า และแบกบาปของคนทั้งปวง ทั้งยังเป็น “ลูกแกะปัสกา” สัญลักษณ์การไถ่กู้อิสราเอลในการฉลองปัสกาครั้งแรก พระชนมชีพทั้งหมดของพระคริสตเจ้าแสดงพันธกิจของพระองค์ คือการรับใช้และมอบชีวิตของพระองค์เป็นสินไถ่เพื่อมนุษย์ทั้งหลาย

ทำไมต้องมีศาสนบริการของพระศาสนจักร

CCC ข้อ 878 ในที่สุด ศาสนบริการศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักรยังมีลักษณะเฉพาะส่วนบุคคลด้วย ถ้าบรรดาศาสนบริกรของพระคริสตเจ้าทำงานร่วมกัน เขาก็ยังทำงานเป็นการส่วนตัวด้วย เขาแต่ละคนได้รับเรียกมาเป็นการส่วนตัว “ท่านจงตามเรามาเถิด” (ยน 21:22) เพื่อว่าในพันธกิจส่วนรวม เขาแต่ละคนจะได้เป็นพยานส่วนตัว รับผิดชอบเป็นการส่วนตัวเฉพาะพระพักตร์พระองค์ผู้ประทานพันธกิจให้เขาทำงาน “ในพระบุคคลของพระองค์” และเพื่อผู้อื่น “ข้าพเจ้าล้างท่านเดชะพระนามพระบิดา...” “ข้าพเจ้าอภัยบาปท่าน....”

การเป็นพรหมจารีเพื่อพระอาณาจักร

CCC ข้อ 1618 พระคริสตเจ้าทรงเป็นศูนย์กลางของชีวิตคริสตชนทั้งหมด ความสัมพันธ์กับพระองค์จึงมีความสำคัญมากกว่าความสัมพันธ์อื่นๆ ทั้งหมดด้านครอบครัวหรือสังคม นับตั้งแต่สมัยแรกของพระศาสนจักรแล้ว มีชายและหญิงหลายคนที่ได้สละผลดียิ่งใหญ่ของการสมรสเพื่อติดตามลูกแกะไปทุกแห่งที่พระองค์เสด็จ เพื่อจะได้สาละวนในการงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า หาวิธีทำให้พระองค์พอพระทัย เพื่อออกไปพบเจ้าบ่าวเมื่อพระองค์เสด็จมา พระคริสตเจ้าทรงเรียกบางคนให้ตามเสด็จพระองค์ในชีวิตชนิดที่พระองค์เองทรงเป็นแบบอย่าง “บางคนเป็นขันทีตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา บางคนถูกทำให้เป็นขันที และบางคนทำตนเป็นขันทีเพราะเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์ ผู้ที่เข้าใจได้ ก็จงเข้าใจเถิด” (มธ 19:12)


ยน 1:50-51  ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก... บุตรแห่งมนุษย์ : พระเยซูเจ้าทรงกล่าวเป็นนัยว่าการที่พระองค์ทรงรู้จักนาธานาเอลที่อยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้นเทียบไม่ได้เลยกับพันธกิจที่พระองค์จะทรงกระทำในภายหลัง  บรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลง : เรื่องนี้อ้างอิงถึงการนิมิตในพันธสัญญาเดิม (เทียบ ปฐก 28:10-19) ที่ยาโคบได้เห็นบรรดาทูตสวรรค์ขึ้นลงระหว่างสวรรค์และแผ่นดิน เรื่องราวนี้จึงบอกเป็นนัยว่าพระคริสตเจ้าเองก็เสด็จมาจากสวรรค์ด้วย พระองค์ทรงเป็นสื่อกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์

พระคริสตเจ้า “กับทูตสวรรค์ทั้งมวลของพระองค์”

CCC ข้อ 333 นับตั้งแต่การรับสภาพมนุษย์จนถึงการเสด็จสู่สวรรค์ พระชนมชีพของพระวจนาตถ์ผู้รับสภาพมนุษย์มีทูตสวรรค์คอยนมัสการและรับใช้อยู่ตลอดเวลา เมื่อพระเจ้า “ทรงส่งพระโอรสองค์แรกมาสู่โลกมนุษย์ พระองค์ตรัสว่า ‘ให้ทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระเจ้า กราบนมัสการพระองค์เถิด’” (ฮบ 1:6) บทเพลงสรรเสริญของบรรดาทูตสวรรค์ในการสมภพของพระคริสตเจ้ายังคงดังก้องอยู่ตลอดมาในการขับร้องสรรเสริญของพระศาสนจักร “พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าในสวรรค์สูงสุด...” (ลก 2:14) บรรดาทูตสวรรค์คอยปกป้องพระเยซูเจ้าในปฐมวัย คอยปรนนิบัติรับใช้พระองค์ในถิ่นทุรกันดาร มาปลอบโยนเมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ในสวนเกทเสมนี ถ้าทรงประสงค์ พระองค์อาจทรงได้รับความช่วยเหลือจากทูตสวรรค์ให้พ้นจากเงื้อมมือของบรรดาศัตรู เช่นเดียวกับที่อิสราเอลเคยได้รับในอดีตด้วย บรรดาทูตสวรรค์ยังนำข่าวดีมาบอก ให้บรรดาคนเลี้ยงแกะรู้เรื่องการที่พระเจ้า เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ และประกาศข่าวการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า ให้บรรดาศิษย์รู้ บรรดาทูตสวรรค์จะปรากฏมาประกาศการเสด็จกลับมาของพระคริสตเจ้า และมารับใช้พระองค์ในการพิพากษามวลมนุษย์

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)