ปฐมวัย
พระเยซูทรงเติบโตที่นาซาเร็ท เมืองเล็กๆ ในแคว้นกาลิลี ชาวบ้านทั่วไปรู้จักพระองค์ในฐานะบุตรของนางมารีย์และโยเซฟ บิดาเป็นช่างไม้ มารดาเป็นแม่บ้านเหมือนสตรีทั่วไป พระเยซูเองก็ประกอบอาชีพเป็นช่างไม้เช่นเดียวกัน (ดู มก 6:3) เป็นวิถีชีวิตที่สงบ เรียบง่าย แต่การปรากฏมาของพระเยซูบุตรของพระเจ้าในลักษณะที่ซ่อนเร้นในสภาวการณ์เช่นนี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยสัจธรรมของพระองค์ในวิถีชีวิตแบบประเพณี ซึ่งชี้ให้เห็นความสำคัญคุณค่าและความหมายของวัฒนธรรมในชุมชน ด้วยเหตุนี้ชาวคริสต์จึงถือเอาครอบครัวของพระเยซูเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ เป็นแบบอย่างสำหรับครอบครัวชาวคริสต์ทั้งหลาย และกำหนดให้มีการฉลอง “ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์” ทุกปี
เหมือนกับครอบครัวชาวยิวอื่นๆ พระเยซูได้รับ “พิธีสุหนัต” และในฐานะที่เป็นบุตรชายคนแรก บิดามารดาก็นำไปถวายแด่พระเจ้าในพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มตามกฎบัญญัติของโมเสส
ไม่มีรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับชีวิตที่ซ่อนเร้นที่นาซาเร็ท นอกจากเหตุการณ์เดียวซึ่งลูกาได้บันทึกไว้ เมื่อพระเยซูทรงมีพระชนมายุได้ 12 พรรษา บิดามารดาได้พาไปฉลองพระวิหารซึ่งเป็นงานประจำปีที่กรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเสร็จงานฉลองแล้วปรากฏว่าพระเยซูไม่ได้ร่วมเดินทางกลับ พระ-นางมารีย์และโยเซฟเที่ยวตามหาสามวัน “ท่านทั้งสองจึงพบพระองค์ในพระวิหารกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางบรรดาอาจารย์ ทรงฟังและไต่ถามพวกเขา” (ลก 2:46) เมื่อพระนางมารีย์ถามว่าทำไมปล่อยให้พ่อแม่ตามหาถึงสามวัน พระเยซูทรงตอบว่า “คุณพ่อคุณแม่ตามหาลูกทำไม คุณพ่อคุณแม่ไม่ทราบหรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก?” (ลก 2:49) ซึ่งหมายถึง พระเจ้า พระวรสารชี้ให้เห็นเป็นการส่งท้ายบันทึกปฐมวัยของพระเยซูว่า แม้จะเป็นที่รู้จักในฐานะ “สามัญชน” แต่พระองค์ทรงเป็นบุตรพระเจ้าและภาระสำคัญที่พระบิดาทรงมอบหมายนั้นเริ่มแต่การกำเนิดและปฐมวัยแล้ว การออกเทศนาสั่งสอนเมื่อพระชนมายุได้ 30 พรรษา เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญเท่านั้น แต่ไม่ใช่การเริ่มต้น