กิจวัตรประจำวันของคริสตชนคาทอลิก
ด้วยสำนึกแห่งการเป็นบุตรของพระเป็นเจ้า คือ พระองค์ทรงสร้างเรามา ดังนั้น ชาวคาทอลิกที่ดีจึงต้องดำเนินชีวิตประจำวันอย่างดี อันได้แก่ การปฏิบัติตนตามจิตตารมณ์ขององค์พระเยซูคริสตเจ้า และแน่นอนว่าสิ่งนั้นก็คือการปฏิบัติตนตามกฎบทบัญญัติแห่งความรัก คือ “รักพระผู้เป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”
- ดังนั้น ทุกขณะจิต ทุกกิจการของเราจึงต้องดำเนินไปโดยมีพระเป็นเจ้าอยู่กับเราเสมอ
- เมื่อตื่นนอนขึ้นมาในตอนเช้า เราจึงต้องเริ่มด้วยการโมทนาคุณพระองค์ที่ให้เราได้พักผ่อนนอนหลับตลอดคืนที่ผ่านมา และตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็มอบวันใหม่ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดประทานพระพรที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิต และกระทำกิจการต่างๆ ในวันนั้น
- ระหว่างประกอบกิจการต่างๆ ให้เราคิดถึงพระองค์ เช่น ก่อนรับประทานอาหาร รู้จักอธิษฐานภาวนาขอพระพรสำหรับตนเองและผู้อื่น ขอให้อาหารที่จะรับประทานนั้นเกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นด้วย หลังรับประทานอาหาร โมทนาคุณพระองค์ที่ได้ทรงให้เรามีอาหารรับประทาน ขอทรงอวยพระพรสำหรับผู้ที่เตรียมอาหารให้เรา และขอพระองค์ประทานอาหารสำหรับผู้อดอยากด้วย
- ก่อนจะเดินทาง ขอทรงคุ้มครองเราให้ปลอดภัยจากภัยอันตราย ไม่ว่าจะเดินทางโดย รถประจำทาง รถส่วนตัว หรือพาหนะชนิดใดๆ ก็ตาม
- ก่อนจะประกอบกิจกรรมใดๆ เช่น ก่อนประชุม ก่อนเรียน ก่อนลงมือทำงาน ใช้เวลานิดหน่อย ขอพระองค์ทรงช่วยเราในกิจกรรมนั้นๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
- เมื่อเสร็จสิ้นภาระหน้าที่ประจำวัน ก่อนจะพักผ่อนนอนหลับ พิจารณามโนธรรมของตัวเองว่า ในวันที่ผ่านมาเราทำดีอะไรบ้าง ให้โมทนาคุณพระองค์ หรือถ้าทำสิ่งใดผิดพลาด ให้กราบขอขมาโทษต่อพระองค์ และตั้งใจที่จะแก้ไขข้อบกพร่องความผิดพลาดนั้นๆ ในโอกาสต่อไป รู้จักระวังตัวเองให้มากยิ่งขึ้นในการใช้ชีวิต พร้อมทั้งมอบการพักผ่อนนอนหลับในคืนนั้นไว้ในความคุ้มครองของพระองค์
- เมื่อเรามีความทุกข์ยากลำบาก เจ็บไข้ได้ป่วย ให้รู้จักภาวนาวอนขอพระพรจากพระองค์ เพื่อเราจะสามารถต่อสู้กับอุปสรรค ปัญหา หรือความทุกข์นั้นได้อย่างดี มีความวางใจในพระองค์
- เมื่อมีความสุข ความสำเร็จ ชื่นชมยินดี ให้รู้จักโมทนาคุณพระองค์ และตระหนักเสมอว่า นั้นคือพระเมตตาของพระองค์ เป็นผลงานของพระองค์ ถ้าผลสำเร็จนั้นมี 10 ส่วน จงจำไว้ว่าเราทำเพียง 1 ส่วน อีก 9 ส่วน พระองค์ทรงกระทำ
- ทั้งความทุกข์หรือความสุข ความโศกเศร้าหรือความยินดี ความสำเร็จหรือความล้มเหลว ล้วนแล้วแต่เป็นน้ำพระทัยของพระองค์ทั้งสิ้น เราเป็นเพียงเครื่องมือของพระองค์เท่านั้น
- เมื่อเราย้อนกลับไปดู บทบัญญัติที่ให้เรารักพระผู้เป็นเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ เราสามารถพิจารณาได้ว่าเราได้ปฏิบัติตามอย่างไร
- เรารักพระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจจริงหรือไม่ พิสูจน์ได้จากการปฏิบัติกิจศรัทธาของเราต่อพระองค์สม่ำเสมอแค่ไหน คือเราได้ไปวัดร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ รับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เราสวดภาวนามากน้อยแค่ไหน เรารู้จักการกราบนมัสการพระเป็นเจ้า โมทนาคุณพระองค์ด้วยใจจริงหรือเปล่า เวลาไปวัดเรารู้สึกมีความสุข มีความยินดีเต็มใจและอยากที่จะไปเพราะจิตสำนึกของพระเมตตาและพระพรต่างๆ ที่ทรงประทานกับเราหรือเปล่า
- เรารักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง เป็นอย่างไรบ้าง เรายกโทษให้อภัยต่อคนที่ทำผิดต่อเรา หรือเรายังคงโกรธ เกลียด พยาบาท อาฆาตมาดร้ายต่อผู้อื่นอยู่ เราชอบติฉินนินทาผู้อื่นอยู่เป็นประจำหรือไม่ เรามักจะเอาเปรียบผู้อื่น เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจตัวเอง ชอบดูถูกคนอื่น เรายินดีช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยาก และช่วยเหลือบ่อยๆ หรือไม่ เรากล้าหาญที่จะกล่าวถึงความรักและพระเมตตาของพระเป็นเจ้า กล้าที่จะแสดงตัวว่าเป็นคริสตชน เป็นศิษย์ของพระองค์มากน้อยแค่ไหน เช่น เรารู้สึกอย่างไรที่จะทำสำคัญมหากางเขน (เดชะพระนาม) ก่อนทานอาหารในร้านอาหารต่อหน้าคนอื่น
ที่มา : หนังสือหลักธรรมคำสอนคาทอลิก - คุณพ่อวุฒิเลิศ แห่ล้อม