16. พระเจ้าทรงช่วยประชากรของพระองค์
ต่อมาพระเจ้าฟาโรห์เกิดเปลี่ยนพระทัยไม่ยอมปล่อยให้ชาวอิสราเอลไป พระองค์ทรงสั่งให้รวบรวมทหารและรถศึกยอออกติดตามชาวอิสราเอลไป ชาวอิสราเอลได้ตั้งค่ายพักอยู่ข้างทะเลใกล้ปีหะโรท เบื้องหน้าบาอัลเซโฟน เมื่อพระเจ้าฟาโรห์ทรงเข้ามาใกล้ ชาวอิสราเอลเงยหน้าขึ้นดู แลเห็นชาวอียิปต์ไล่ตามมา ก็มีความกลัวยิ่งนัก เพราะว่าเขาถูกล้อม ด้านหน้าเป็นทะเล ด้านหลังของเขาเป็นกองทัพอันยิ่งใหญ่ของศัตรู เขาได้บ่นกับโมเสสว่า เหตุใดท่านจึงนำเรามาสู่ความหายนะครั้งนี้? พวกเราทั้งหมดจะถูกฆ่าที่นี่ แต่โมเสสกล่าวกับเขาว่า อย่างกลัว วันนี้ท่านจะเป็นประจักษ์พยานให้เห็นถึงอำนาจของพระเจ้าที่จะคุ้มครองท่าน
โมเสสยื่นมือไปเหนือทะเล องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ลมตะวันออกพัดแรงตลอดคืน ทำให้น้ำทะเลไหลกลับไป และทำให้ทะเลกลับเป็นพื้นดินแห้ง น้ำแยกจากกัน ชาวอิสราเอลก็เดินบนพื้นดินแห้งกลางทะเล โดยมีน้ำอยู่ด้านขวาและด้านซ้าย เป็นเหมือนกำแพง ชาวอียิปต์ไล่ตามชาวอิสราเอลลงไปในทะเล พร้อมกับม้าทั้งหมดของพระเจ้าฟาโรห์ รถศึกและผู้ขับขี่ แต่ทางเดินที่ชาวอิสราเอลเดินผ่านไปได้ด้วยความเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าได้กลายเป็นทางมรณะของคนอียิปต์ น้ำไหลกลับท่วมรถศึก ผู้ขับขี่ กับกองทัพทั้งหมดของพระเจ้าฟาโรห์ที่ไล่ตามชาวอิสราเอลลงไปในทะเล ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลย ชาวอิสราเอลได้มีประสบการณ์ว่าพระเจ้าได้ช่วยชีวิตเขาอย่างไร มีเรียมประกาศกหญิงพี่สาวของอาโรนตีกลองรำมะนา บรรดาสตรีก็ตีกลองรำมะนาเดินตามพร้อมกับเริงระบำ มีเรียมก่อบทเพลงให้เขาร้องรับว่า"จงร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่พระองค์ทรงโยนม้าและผู้ขับขี่ลงทะเล” (อพย 14-15)