เครื่องหมายอัศจรรย์ (Miracle)
การกระทำหรือเหตุการณ์ที่พระเจ้าหรือพระเยซูเจ้าทรงกระทำเพื่อเป็นเครื่องหมายว่า พระเจ้าทรงสำแดงพระอานุภาพในเหตุการณ์นั้นเพื่อช่วยมนุษย์
พระเยซูเจ้าทรงกระทำอัศจรรย์โดยมีจุดมุ่งหมาย
- เพื่อเชิญชวนมนุษย์ทุกคนให้มาเป็นส่วนหนึ่งของพระอาณาจักรของพระเจ้า (นอกเหนือจากพระวาจา) แม้กระทั่งคนบาปหนักก็ถูกเรียกให้กลับใจและให้ยอมรับพระเมตตาอันไร้ขอบเขตของพระบิดา
- การทำอัศจรรย์หรือเครื่องหมายเพื่อเป็นการยืนยันว่าพระอาณาจักรอยู่ในพระเมสสิยาห์ หรือ พระเจ้าอยู่ในพระองค์ (ยน. 10.30) โดยแสดงพระสิริรุ่งโรจน์อย่างทรงอำนาจ (ยน. 1.14) เช่นการไล่ปีศาจหมายถึงการปลดปล่อยมนุษย์ให้พ้นจากการเป็นทาสของบาป การขับไล่ปีศาจเป็นการประกาศว่า ไม้กางเขนของพระองค์จะมีชัยชนะเหนือ "เจ้านายแห่งโลกนี้" (ยน. 12.31)
พระเยซูเจ้าทรง "ทำอัศจรรย์ เครื่องหมาย " เพื่อปลุกความเชื่อในพระภารกิจที่ทรงได้รับจากพระเจ้า (ยน. 2.11,23 / ยน. 4.48-54 / ยน. 11.15,42/ ยน. 12.37 /ยน. 3.11)
อัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
1. อัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำเพื่อความรอดของผู้อื่น เป็นความรอดฝ่ายกายคือให้หายจากความผิดปกติทางด้านร่างกาย และความรอดฝ่ายวิญญาณ คือการกลับใจเป็นคนดี มีความเชื่อ
อัศจรรย์หรือ "ปาฏิหาริย์ หมายถึงการพูดจาสั่งสอน จนคนยอมกลับใจ อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย" เช่น พระเยซูเจ้าทรงขับซาตานได้ (มธ. 12.43-45)ทรงทำให้คนตาบอดมองเห็น คนหูหนวกได้ยิน คนใบ้พูดได้ คนง่อยเดินได้ ลูกแกะเล่นกบเสือกหรือราชสีห์ได้ ช่วยคนที่ตาย…ได้เข้าถึงแผ่นดินของพระเจ้า….สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมองเห็นทางรอดหรือความดับทุกข์… ทำให้เกิดความเมตตากรุณาต่อกัน จนกระทั่งคนแข็งแรงไม่เบียดเบียนคนอ่อนได้" (คริสตธรรม – พุทธธรรมโดยท่านพุทธทาสภิกขุ)
พระเยซูเจ้าประทานอำนาจของอัศจรรย์ประเภทนี้แก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์ว่า "ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือ จะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ ๆได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย" (มก. 16.17-18) อัครสาวกได้ทำอัศจรรย์ต่างๆ ดังที่อ้างในหนังสือกิจการอัครสาวก เช่น นักบุญเปโตรพูดภาษาต่างๆ (กจ. 2.37-41) รักษาคนพิการ (กจ. 3.1-10/ กจ. 14.8-10) เปโตรทำให้หญิงคนหนึ่งกลับคืนชีวิต (กจ. 9.36-42) ขับไล่ปีศาจ (กจ.19.11-16) งูพิษไม่ทำอันตราย (กจ.28.1-6)
2. อัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำให้พระองค์เองกลับคืนพระชนมชีพ 3 วันหลังจากสิ้นพระชนม์
เพราะพระวรกายของพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจะเป็นศูนย์รวมของการนมัสการเดชะพระจิตตามความจริง (ยน 4.21) เป็นวิหารที่ประทับของพระเจ้า (ยน. 1.14) เป็นวิหารฝ่ายจิตซึ่งจะมีน้ำทรงชีวิต (พระจิต) ไหลออกมา (ยน. 7.37-39 /19.34)