บทภาวนาของพระเยซูเจ้า
มัทธิว 6:7-15
บทภาวนาที่พระเยซูทรงสอนบทนี้ รู้จักกันในชื่อว่าบทภาวนาของพระเยซูเจ้า เพราะเป็นบทที่พระเยซูทรงสวดภาวนาด้วยพระองค์เองในตอนต้น และในตอนต่อมาเป็นบทสวดภาวนาที่เราภาวนาร่วมกับพระองค์ เราเข้าใจได้ว่าพระเยซูทรงสวดภาวนาด้วยพระองค์เองในตอนต้นเพราะทรงสวดภาวนาว่า “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้า”
เมื่อพระเยซูทรงภาวนา พระองค์เรียกพระเจ้าว่าพระบิดาเสมอ เป็นลักษณ์ของลูกที่รู้และมั่นใจว่าพ่ออยู่กับตน พระเยซูเรียกพระบิดาด้วยความมั่นใจ และด้วยความมั่นใจเช่นนี้เองที่ทำให้พระองค์ทรงทำพันธกิจของพระบิดาสำเร็จในชีวิตของพระองค์
ส่วนคำสวดภาวนาที่ว่า “พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์” ทำให้เราเห็นเราถึงน้ำพระทัยของพระเยซูที่ทรงแสวงหาพระประสงค์พระบิดามากกว่าของพระองค์เอง อย่างเดียวกับที่ทรงสวดภาวนาในสวนเกทเสมนีว่า “พระบิดาเจ้าข้าถ้าเป็นไปได้ ขอให้ถ้วยนี้พ้นข้าพเจ้าไป ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็ขออย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ขอพระองค์เถิด คำสวนภาวนาที่ว่า “โปรดอภัยแก่ข้าพเจ้าเหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น” นั้น เมื่อทรงอยู่บนกางเขนก็ทรงสวดภาวนาขอให้พระบิดาทรงอภัยแก่คนที่มรมานพระองค์ว่า “พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลก.23:34) และผลแรกของการสวดภาวนานั้นคือ การกลับใจของโจรที่ถูกตรึงกางเขนพร้อมกับพระเยซู อันที่จริงโจรผู้นั้นไม่ได้กลับใจเอง แต่การกลับใจของเขาเป็นผลจากการสวดภาวนาของพระเยซู
เราเห็นชัดเจนว่าการอภัยบาปคือหัวใจของพันธกิจของพระเยซูเจ้า พระเยซูตรัสสอนเราว่า “ถ้าท่านให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็จะประทานอภัยแก่ท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทานอภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน” การอภัยจึงเป็นหัวใจสำคัญของการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์เราตลอดนิรันดร
เป็นความจริงที่ว่าการอภัยกันและกันยากกว่าการทูลขอการทรงอภัยจากพระเจ้า ทำไมจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเราที่จะให้อภัยคนอื่น ทำไมเราจึงไม่สามารถให้อภัยผู้อื่นง่ายๆ ยิ่งเราต้องการดำเนินชีวิตด้วยความจริงใจต่อพระเจ้า เราก็ยิ่งรู้สึกว่าเราอ่อนแอมากในเรื่องการให้อภัย จริงๆ แล้วเราอยากให้อภัยคนที่ทำผิดต่อเรา แต่บางครั้งเราไม่สามารถทำได้ และเราก็ทุกข์ทรมานใจในความบาปของตัวเอง
เหตุที่เราไม่สามารถให้อภัยแก่ผู้ทำร้ายเรา อาจเป็นเพราะใจเรายังไม่ยอมรับว่าพระเยซูทรงอภัยบาปผิดของเราจนหมดสิ้นแล้วก็เป็นได้ เรายื่นมือขวาออกไปทูลขอการทรงอภัยจาก พระเยซู แต่ขณะเดียวกันเรายังคงยึดบาปทั้งหลายที่ทำผ่านมาไว้ในมือซ้าย ทั้งๆที่พระเยซูทรง ปรารถนาจะให้อภัยแก่เรา แต่เรายังยึดมันไว้ ไม่ยอมปล่อย ถ้าเราเชื่อมั่นในการทรงอภัย จิตใจ ของเราจะเต็มล้นด้วยความยินดีที่ได้พบองค์พระเยซูเจ้า ซึ่งจะเป็นผลให้ความสัมพันธ์ของเรา กับคนที่เราไม่สามารถให้อภัยได้นั้นดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
นักบุญพระสันตะปาปาเลโอที่หนึ่งบอกว่า พระเยซูยังคงทรงรับมหาทรมานบนกางเขนเพราะบาปของเรา ถ้าเช่นนั้นพระองค์ก็ยังคงทรงสวดภาวนาเพื่อเราอยู่ว่า “พระบิดาเจ้าข้าโปรด อภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”
ถ้าเรายอมรับและเชื่อว่าพระเยซูทรงสวดภาวนาเพื่อเราและทรงอภัยบาปทั้งหลายของเรา แล้วเราก็คงจะสามารถอภัยให้คนอื่นได้ เพราะฉะนั้นตัวเราเองก็ควรจะสวดภาวนาดังนี้ด้วยว่า ข้าแต่พระเยซู ถ้าพระองค์ทรงต้องการให้ข้าพระองค์อภัยแก่ผู้อื่น ขอทรงโปรดประทาน พระคุณแก่ข้าพระองค์ก่อนเพื่อที่ข้าพระองค์จะอภัยแก่เขาทั้งหลายได้อย่างที่พระองค์ทรงอภัย แก่ข้าพระองค์