พระคุณกับการทดลอง
ลูกา 4:1-13
หลังจากทรงรับพิธีล้างที่แม่น้ำจอร์แดน พระเยซูทรงเปี่ยมด้วยพระจิต และพระจิตองค์เดียวกันนี้เองนำพระองค์ไปยังถิ่นทุรกันดารและทรงถูกปีศาจประจญ
บางครั้งเราไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมพระจิตเจ้าจึงอนุญาตให้ปีศาจประจญพระองค์ ตามธรรมดา เรามักคิดว่าพระจิตผู้ทรงประทานพระคุณจะนำเราไปในที่ดี หรือสู่สภาพที่ดี เพราะเราคิดว่าพระคุณต้องเป็นพระพร เป็นสิ่งดีๆ เท่านั้น แต่พระจิตเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบดีว่าอะไรเป็นพระคุณและพระพรแก่เรา การที่พระจิตทรงนำเราไปสู่สภาพที่ไม่พึงปรารถนาจึงเป็นการทดสอบ หรือทดลองความเชื่อมั่นซึ่งจะเป็นผลดีแก่เรา
“เมื่อปีศาจทดลองพระองค์ทุกวิถีทางแล้ว จึงแยกจากพระองค์ไปรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม” (ลก 4:13) การทดลองเกิดขึ้นกับพระเยซูก่อนการทรงทำพันธกิจและก่อนทรงรับทรมานบนกางเขน เวลาของพระเยซูเจ้าที่กล่าวไว้ในพระวรสารหมายถึงเวลาของการขึ้นกางเขน การที่ปีศาจแยกจากพระองค์ไปรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมก็คือ เวลาที่พระองค์จะทรงรับพระมหาทรมาน และ ณ เวลานั้นปีศาจจะประจญพระองค์อีกครั้งหนึ่ง
สรุปตรงนี้คือ เมื่อทรงอยู่บนกางเขน และรับมหาทรมานถึงขีดสุดนั้น พระเยซูทรงได้รับการทดลองสองอย่าง คือให้เกลียดชังผู้ที่มรมานพระองค์อย่างหนึ่ง และให้หมดหวังหรือผิดหวังในพระเจ้าพระบิดาอีกอย่างหนึ่ง
พระเยซูทรงเอาชนะการทดลองดังกล่าวได้อย่างไร เมื่อทรงประจญการทดลองอย่างแรกทรงสวดภาวนาว่า พระบิดาขอทรงโปรดอภัยคนเหล่านั้นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เขาทำ คำสวดภาวนาเช่นนี้เองทำให้ทรงมีชัยชนะเหนือการทดลองให้เกลียดชังผู้ทำร้ายพระองค์ได้ และเมื่อประจญการทดลองอย่างที่สอง ในตอนแรกพระเยซูตรัสถามพระบิดาว่า “พระบิดาเจ้าข้า พระบิดาเจ้าข้า ทำไมละทิ้งข้าพระองค์เสีย” แต่ในตอนท้ายก่อนสิ้นพระชนม์พระองค์ตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบวิญญาณของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์พระองค์” และคำสวดภาวนาเช่นนี้ทำให้ทรงมีมีชัยชนะเหนือการทดลองอย่างที่สองนั้นได้
เราเองบางครั้งได้รับการทดลองแบบเดียวกับพระเยซู คือให้เกลียดชังคนอื่นและหมดหวังในพระเจ้า แต่อย่าลืมว่าพระเยซูยังคงสวดภาวนาเพื่อเราทั้งบัดนี้และตลอดนิรันดรว่า พระบิดาของทรงอภัยคนพวกนั้น เพราะว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาทำ เละพระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบวิญญาณไว้ในพระหัตถ์พระองค์ เพราะฉะนั้นเราจึงมั่นใจได้เลยว่าเราจะเอาชนะการทดลองทั้งสองแบบนี้ได้
พระสันตะปาปา เลโอ เคยบอกเราไว้ว่า ไม้กางเขนของพระเยซูยังคงมีอยู่ เพราะฉะนั้นการสวดภาวนาของพระเยซูก็ยังคงมีอยู่ และจะมีอยู่ต่อไปตลอดนิรันดร