ถ้าคุณเข้าใจว่า การล่อลวง คือแนวโน้มที่จะทำบางอย่างซึ่งคุณรู้ว่าผิด แต่คุณก็ยอมรับการล่อลวงนั้น นั่นคือ คุณบาป คุณได้เลือกที่จะทำบางอย่างซึ่งคุณรู้ว่าไม่ควรทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการโกหก การแก้แค้น การแช่งด่า การโกง การขโมย และการไม่เชื่อฟัง ซึ่งล้วนเป็นการกระทำที่เป็นบาปทั้งนั้น หากเราทำด้วยรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งผิด (หรืออาจกล่าวอีกอย่างได้ว่า เราล้มเหลวที่จะทำสิ่งที่เรารู้ว่าเราควรทำ) ความรู้ว่าสิ่งใดถูกหรือผิดนั้นยังไม่เพียงพอ จิตสำนึกของเราอาจให้คำแนะนำที่ดีกว่า หากเราละเลยจิตสำนึกของเราแล้ว ในครั้งต่อไปเราก็ควบคุมความปรารถนาของเราได้ยากขึ้น ลองนึกดูว่ากี่ครั้งแล้วที่เรามักจะได้ยินบางคนกล่าวว่า “ปิศาจทำให้ฉันทำลงไป” การตำหนิผู้อื่นเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ง่ายจริงๆ
ต่อไปให้เรามาศึกษาเรื่องการล่อลวงอย่างละเอียดยิ่งขึ้น เพื่อจะได้รู้แหล่งที่มาของการล่อลวง
- 1. ปิศาจ (The Devil) แน่นอนว่าซาตานและปิศาจต่างๆ ของมันพยายามที่จะยั่วยุเราจริงๆ แต่ไม่สามารถบังคับหรือทำให้เราทำได้ ทุกสิ่งที่เราทำหรือไม่ทำนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ปิศาจใช้กลอุบายโดยพยายามทำให้เราคิดว่า “สิ่งที่เรากำลังทำนั้น ไม่มีอะไรผิดจริงๆ หรอก” ดังนั้น เราจึงทำและนั่นคือ เราบาป กลอุบายอย่างหนึ่งที่มันใช้ก็คือ คำพูดที่มีเงื่อนงำ เช่น “ฉันต้องเป็นตัวของตัวเอง” “คนอื่นๆ ก็ทำกันทั้งนั้นแหละ” “ทำสิ่งที่เป็นของเธอเอง” “เวลามันเปลี่ยนไปแล้ว” “ไม่มีใครมาบอกฉันนี่ว่าถูกหรือผิดหรือถูก” “นั่นมันความคิดโบราณ” “ใจเย็นไว้” “ฉันต้องการเป็นอิสระ”
- 2. โลก (The World) พระเยซูเจ้าตรัสว่า ปิศาจเป็นเจ้าแห่งโลก (Prince of the World) มันฉวยโอกาสเอาความอ่อนแอของมนุษย์ ซึ่งเป็นผลของบาปต้นและบาปในปัจจุบันมาเพื่อดึงดูดเราให้ทำผิดต่อพระเจ้า โลกล่อลวงเราผ่านตัวอย่างที่ไม่ดีของบุคคลต่างๆ โดยเฉพาะตัวอย่างที่ไม่ดีของคนมีชื่อเสียง หรือเพื่อนๆที่เราเลือก โทรทัศน์ วิทยุ ภาพยนตร์ การแสดงละคร หนังสือพิมพ์ หนังสือและวารสาร ล้วนเป็นสื่อที่มักทำให้ปิศาจเป็นเรื่องราวที่น่าดึงดูดใจและถูกต้อง สำหรับบุคคลต่างๆ ที่ไม่มั่นใจว่าสิ่งใดดีหรือชั่วร้าย ให้เราหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ ที่จะจูงนำเราไปให้ยอมรับบาปว่าเป็นสิ่งที่กระทำแบบเป็นธรรมชาติที่สุด พระจิตเจ้า (The Holy Spirit) จะประทานความเข้มแข็งให้เราเพื่อเอาชนะการล่อลวงต่างๆ ได้
- 3. เนื้อหนัง (The Flesh) แม้จะไม่มีปิศาจหรือโลกมาล่อลวงเรา เราก็ยังคงมีปัญหาซึ่งเกิดจากบาป ที่ทำให้เราโน้มเอียงไปหาความชั่ว มันเป็นความยากขนาดไหนที่จะควบคุมอารมณ์ของเรา และยากขนาดไหนที่จะห้ามใจไม่ให้อยากรู้อยากเห็นสิ่งที่เป็นบาป ซึ่งจะทำให้เราขัดต่อพระเจ้า มันยากที่เราจะไม่โต้ตอบต่อถ้อยคำที่เสียดสี ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการโต้เถียงหรือทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่ในขณะเดียวกันเราอาจจะไม่กล้าพูดปลอบใจผู้ที่อยู่ในความทุกข์ เราจะถอนคำตัดสินที่ไม่รอบคอบที่มีต่อผู้อื่นได้ไหม เราเชื่อฟังคุณครูที่เจ้าระเบียบได้ไหม และมันยากขนาดไหนที่จะยอมรับหรือทนฟังความคิดเห็นของคนอื่นที่ขัดกับความคิดเห็นของเรา
- พระจิตเจ้าจะจูงนำจิตวิญญาณที่สวดขอความช่วยเหลือจากพระแม่มารีย์อย่างมั่นคง ถ้าเราสามารถมีสติเรียกหาพระแม่บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาที่เราถูกล่อลวง พระจิตเจ้าก็จะมาช่วยเราตามคำภาวนาของพระแม่ เราจึงไม่ต้องกังวลว่าจะตกอยู่ในบาป
- ใครๆ ก็ตกอยู่ในบาปได้ มีเพียงบุคคลที่พัฒนาสำนึกแห่งความรับผิดชอบที่เข้มแข็งและฝึกปฏิเสธตนเอง (ความต้องการของตนเอง) เท่านั้นที่สามารถพ้นจากบาป ทั้งนี้ก็โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้าช่วยเขาให้พ้นจากบาปนั่นเอง