ทำไมพระสงฆ์จึงสวมเสื้อหล่อ (Cassock)
เราใส่เสื้อผ้ามิใช่แค่ปกปิดความเปลือยเปล่า เพื่อปกป้องและประดับร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการบอกถึงตำแหน่ง หรือยศของผู้สวมใส่ เป็นเหมือนเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ ดังนั้น ทนายความ ผู้พิพากษา และนักวิชาการต่างก็มีเสื้อคลุมยาว ตำรวจและทหารก็มีเครื่องแบบของตน อาภรณ์ที่สวมใส่ในพิธีกรรมเป็นสัญลักษณ์โดยทั่วๆ ไป
เครื่องแต่งกายพิเศษสำหรับพระสงฆ์หรือนักบวชนั้นมิใช่สิ่งที่ขาดมิได้ รวมทั้งเครื่องแบบตำรวจหรือทหารก็มิใช่สิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน แต่เป็นเรื่องตามประเพณีนิยม อย่างเช่นเครื่องแบบของพระสงฆ์หรือนักบวชนั้นมีการปฏิบัติใช้คือ
1. ในระดับแรก เครื่องแต่งกายพิเศษ หมายถึง ตำแหน่งเฉพาะของบุคคลที่สวมใส่ ดังเช่น พระสงฆ์ หรือนักบวช หรือบุคคลที่สังกัดอยู่ในคณะนักบวชคณะใดคณะหนึ่งโดยเฉพาะ เครื่องแบบนักบวชนั้นใช้แสดงถึงสถานะ
2. ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ เครื่องแบบนักบวชบ่งบอกถึงการเป็นประจักษ์พยานเงียบต่อองค์พระคริสตเจ้า และความเชื่อคริสตชน ซึ่งแต่ละคนจะต้องแสดงตนไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ในรถประจำทาง หรือรถไฟ ในที่สาธารณะหรือเมื่อเดินตามท้องถนน เช่นเดียวกับจีวรสีเหลืองของพระภิกษุแสดงการเป็นประจักษ์พยานเงียบให้กับหลักการความคิดของพุทธศาสนา แต่ละประเทศหรือสถาบันต่างก็มีธงประจำของตน เครื่องแต่งกายของพระสงฆ์หรือนักบวชก็เปรียบเสมือน “ธง” เพื่อพระคริสต์และความเป็นคริสตชน เป็นเครื่องแสดงของการประกาศอย่างเงียบๆ
จุดประสงค์ของการสวมเครื่องแบบนักบวชนั้นช่วยนำไปสู่การแสดงเอกลักษณ์ ด้วยเหตุนี้ พระสงฆ์หรือนักบวชจึงได้รับการปฏิบัติความเคารพเมื่อท่านเหล่านั้นแสดงตนเป็นผู้รับใช้ของบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้า เราควรจำไว้ว่า มิใช่เป็นการแสดงความเคารพนับถือปัจเจกชนแต่เป็นการแสดงความเคารพต่อสังฆภาพของพระคริสตเจ้า หรือสถานภาพการเป็นนักบวชของแต่ละบุคคล
3. เครื่องแบบที่แสดงเอกลักษณ์ของนักบวชอาจช่วยให้ผู้สวมใส่ได้มีโอกาสทำการอภิบาล เช่น คนที่ตามปกติไม่เปิดใจต้อนรับคนแปลกหน้า ก็อาจต้อนรับพระสงฆ์หรือนักบวชเพราะเครื่องแบบที่สวมใส่
4. แน่นอนว่า เครื่องแบบมิได้ทำให้ผู้สวมใส่เป็นนักพรต แต่พึงตระหนักไว้ว่าเสื้อหล่อหรือเครื่องแบบนักบวชนั้นเป็นแค่สัญลักษณ์แสดงสถานภาพชีวิตของบุคคลผู้หนึ่ง มิใช่แสดงถึงคุณค่าส่วนตัวของบุคคลผู้นั้น อย่างไรก็ตาม เครื่องแบบอาจช่วยส่งเสริมและปกป้องความมีศีลธรรมให้กับผู้สวมใส่ มิเพียงแต่บอกคนอื่นๆ รอบข้างว่าเขามีสถานภาพชีวิตเช่นใด แต่ยังช่วยเตือนตนเองให้ตระหนักถึงสถานภาพชีวิตของตน และจำเป็นต้องปกป้องตัวเองจากอันตราย และมุ่งมั่นกระทำตนให้เหมาะสมกับเครื่องแบบนั้นเสมอๆ
5. เรามีความห่วงใยเป็นอย่างมากเรื่องการปรับความเชื่อเข้าสู่วัฒนธรรมท้องถิ่น ในประเทศซึ่งมีศาสนบริกรสวมเครื่องแบบนักบวชตามประเพณีทางศาสนาที่สวมใส่กัน เช่น พระภิกษุของประเทศศรีลังกา พม่าและไทย พระสงฆ์คาทอลิกก็สวมใส่เครื่องแบบในทำนองเดียวกัน
6. เครื่องแต่งกายประจำชาติอาจประยุกต์มาเป็นเครื่องแบบนักบวช ถ้าเปลี่ยนรูปทรงหรือลักษณะและออกแบบให้มีรูปทรง รูปแบบแตกต่างออกไป เป็นที่ยอมรับว่าเป็นเครื่องแบบนักบวชได้ อย่างเช่น ชุดสาหรี่ของคุณแม่เทเรซาแห่งคณะเมตตาธรรมนั้นก็มีรูปแบบพิเศษ จึงกลายเป็นเครื่องแบบนักบวชเฉพาะคณะ
7. ประมวลกฎหมายของพระศาสนจักรเรียกร้องให้คณะสงฆ์แต่งเครื่องแบบของพระศาสนจักรที่แตกต่างจากเครื่องแต่งกายของฆราวาส “สมณะต้องแต่งเครื่องแบบสมณะที่สุภาพ ตามกฎเกณฑ์ที่สภาพระสังฆราชได้กำหนด และตามประเพณีอันชอบของท้องถิ่น” (ม.284) แม้สภาพระสังฆราช และประเพณีอาจจะยอมให้มีการเปลี่ยนรูปทรง สีและรูปแบบก็ตาม เครื่องแต่งกายพิเศษเฉพาะคณะสงฆ์ของพระศาสนจักรก็ยังคงยึดถือใช้กันต่อไป