แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ข้อคิดข้อรำพึง

อาทิตย์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา ปี B

27th Sunday 2

“เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน

ดังนั้น สิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าแยกเลย”

 บางคนบอกว่า “พระศาสนจักรไม่ควรมายุ่งเรื่องการแต่งงาน”

 บางคนบอกว่า “พระสงฆ์ไม่ควรพูดเรื่องแต่งงาน”

ทั้งนี้ เพราะผู้ที่มีอำนาจในพระศาสนจักรและบรรดาพระสงฆ์ในพระศาสนจักรไม่ได้เป็นผู้แต่งงานเอง ฉะนั้นจึงไม่มีสิทธิ์มาพูดเรื่องแต่งงาน  เปรียบเหมือนคนที่เป็นแต่เพียงคนดูเท่านั้น  ย่อมไม่ควรมาออกกฎสำหรับคนที่เป็นคนเล่น

 

พูดเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกต้องเสียทีเดียวนัก   มีเพลง Jazz ที่ไพเราะเพลงหนึ่งชื่อว่า  Not Necessarily So     ทั้งนี้ก็เพราะว่าพระศาสนจักรและพระสงฆ์สามารถมองเห็นได้จากภายนอกทะลุเข้าไปถึงภายใน  สำหรับพระศาสนจักรของเราแล้วมีมุมมองที่เป็นพื้นฐานอันเที่ยงแท้มั่นคงว่า การแต่งงานในแผนการของพระเจ้าตั้งแต่ดั้งเดิมนั้น ต้องย้อนคำถามไปที่ว่า  “ทำไมพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาให้เป็นชายและเป็นหญิง”  “พระองค์ทรงมีจุดประสงค์อะไร”  และพระเยซูเจ้าได้ทรงตอบไว้อย่างชัดเจนในพระวรสารของวันนี้

 

“แต่เมื่อแรกสร้างโลกนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง

ดังนั้น ชายจะละบิดามารดา และชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน

ดังนี้ เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน

ดังนั้น สิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าแยกเลย”

 

ดังนั้น การที่คู่แต่งงานจะเข้าใจเรื่องการแต่งงานที่หย่าร้างไม่ได้ การเป็นคู่สามีเดียวภรรยาเดียว และการรักเดียวใจเดียวของคู่แต่งงานจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินความเข้าใจ และไม่ใช่เป็นการที่พระทรงบีบบังคับให้คู่แต่งงานถือตามโดยปราศจากเหตุผล  แต่ย่อมหมายถึง การป้องกันและปกป้องศักดิ์ศรีของมนุษย์ทั้งชายและหญิง  และนำความสุขมาให้กับทั้งคู่มากกว่า

 

 การเป็นพระสงฆ์จะไม่ยุ่งเรื่องแต่งงานของคนอื่นเป็นไปไม่ได้  เพราะก่อนแต่งงานพวกเขาก็จะมาหาพระสงฆ์  ตอนแต่งงานพระสงฆ์ก็ทำพิธีให้  แต่งงานแล้วมีลูกก็พามาให้พระสงฆ์ล้างบาป  บางคู่ทะเลาะกันก็มาขอคำปรึกษาจากพระสงฆ์ (อาจจะเห็นว่าพระสงฆ์ไว้ใจได้...อาจจะเห็นว่าพระสงฆ์อดทนฟังปัญหาของเขาได้ในขณะที่คู่ของเขาไม่เคยฟังเขาเลย ฯลฯ)

 

 แต่ทุกวันนี้เราต้องยอมรับว่า สถาบันครอบครัวมีความคลอนแคลนมากกว่าสมัยก่อนๆ ไม่ใช่ว่าสมัยก่อนไม่มีเสียเลย  โน่น...มีมาตั้งแต่สมัยโมเสสแล้ว คือในทางปฏิบัติแล้ว ชาวอิสราเอลก็เลือกทำตามใจตนเองมากกว่าทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า อีกทั้งในขณะนั้นทุกๆ ชาติที่ห้อมล้อมอิสราเอลก็ยอมรับในเรื่องการหย่าร้าง พวกเขาจึงมาบีบโมเสสให้ออกกฎที่พวกเขาได้ปฏิบัติกันอยู่แล้ว โมเสสอนุโลมเพราะใจหยาบกระด้างของพวกเขา

 

 ดังนั้น ปัญหาเกิดขึ้นมาจากจิตใจที่หยาบกระด้างของมนุษย์ พื้นฐานที่แท้จริงของการแต่งงาน คือการอุทิศตน การมอบตัวเองให้กับคนอื่นอย่างแท้จริง  ตราบใดก็ตามที่คู่แต่งงานไม่รู้จักอุทิศตน มอบตนเองให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง การแต่งงานนั้นก็จะ ไม่มั่นคง เปราะบาง ทะเลาะเบาะแว้ง และเปิดทางไปสู่ปัญหายุ่งยากนานัปการให้แก่ครอบครัว  โดยเฉพาะผลกรรมไปตกอยู่กับบรรดาลูกๆ 

 

 สำหรับครอบครัวที่มีปัญหา หรือเริ่มมีเค้าแห่งความยุ่งยากเกิดขึ้น มาทำตัวให้อินเทรนด์กันหน่อยดีกว่า หันมาหามุมมองใหม่ๆ ขณะนี้ชาติของเรากำลังเดินไปในแนวทางสมานฉันท์ จะดีไหมถ้าเราจะสร้างความสมานฉันท์ในครอบครัว

           

(คุณพ่อ วิชา  หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2006)

27th Sunday 127th Sunday 327th Sunday 4