วันที่ 3 กันยายน
ระลึกถึง นักบุญเกรโกรี่ พระสันตะปาปา และนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร
( St Gregory the Great, Pope & Doctor, memorial )
เกรโกรี่เป็นบุตรชายที่เฉลียวฉลาดและเปี่ยมด้วยพลังของขุนนางชาวโรมันที่ชื่อว่า Gordianus กับภรรยาที่ชื่อว่า Sylvia (ต่อมาได้เป็นนักบุญซิลเวีย) เกิดราวปี ค.ศ. 540 เมื่อเกรโกรี่อายุได้ 33 ปี เขาก็ได้เป็นนายกเทศมนตรีของกรุงโรมแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานได้ละทิ้งความทะเยอทะยานทางโลกทั้งหมด และเข้าไปเป็นฤาษีคณะเบเนดิกตินที่ถูกขับไล่จากมอนเต คาสสิโน มาที่กรุงโรมโดยพวกลอมบาร์ด(Lombards)ผู้รุกราน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 579-586 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตของพระสันตะปาปาประจำกรุงคอนสแตนติโนเปิล หลังจากจบภารกิจแล้วกลับมา ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการอารามฤาษีของท่านที่ตั้งอยู่บน Coelian Hill สามปีต่อมาได้เกิดน้ำท่วมที่ทำให้เกิดหายนะใหญ่หลวง ซึ่งได้ทำลายล้างยุ้งฉางของพระสันตะปาปา ก่อให้เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรง และทำให้ผู้คนล้มตายไปจำนวนมาก ไม่เว้นแม้กระทั่งพระสันตะปาปาในขณะนั้นด้วย ในช่วงเวลานั้น เกรโกรี่ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของพระสันตะปาปามาหลายปีแล้ว ก็ได้รับเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาในปี ค.ศ. 590 ทั้งๆที่ท่านรู้สึกลังเลใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องถือว่าสำหรับท่านนั้นนับเป็นกรณีแรกที่ฤาษีได้เป็นพระสันตะปาปา
หนึ่งในกิจการแรกในฐานะพระสันตะปาปาเกรโกรี่ที่ทรงทำก็คือ เรียกร้องให้ชาวโรมันออกมารวมตัวกัน ตั้งเป็นขบวนแห่เพื่อขออภัยโทษบาปเจ็ดขบวนใหญ่ๆ รอบๆ บาสิลิกา Santa Maria Maggiore เพื่อวอนขอการอภัยโทษจากพระ และเพื่อขอให้หยุดโรคระบาด ตามตำนานเล่าว่าอัครเทวดามีคาเอลได้ปรากฏตนมาในเวลานั้นเหนือหลุมศพของจักรพรรดิเฮเดรียน (Hadrian 's tomb - เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ใช้บรรจุศพ สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 123-139 แต่ต่อมาเรียกชื่อว่า "ปราสาทของทูตสวรรค์" = Castel Sant 'Angelo) และแสดงให้เห็นดาบของท่านที่อยู่ในฝัก ดังนั้นก็หมายถึงกาลอวสานของโรคระบาดที่น่ากลัวนั้น
พระสันตะปาปาเกรโกรี่ได้ปกครองพระศาสนจักรแค่เพียง 14 ปี แต่ผลงานของพระองค์ช่างมีความสำคัญ และยังคงมีผลสืบต่อไปอีกเนิ่นนาน กระทั่งว่า พระองค์ได้รับการจัดให้เป็นพระสันตะปาปาที่น่าจับตามองที่สุดในรอบหนึ่งพันปีแรก สมณสาส์นด้านการอภิบาลของพระองค์ที่ชื่อว่า Liber Pastoralis Curae ได้รับความชื่นชมมาก ซึ่งแสดงออกถึงความคิดของพระองค์ในเรื่องบทบาทหน้าที่ของพระสังฆราช เนื้อหาของคำสอนนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับสถาบันพระสังฆราชคาทอลิกสืบต่อมาอีกหลายศตวรรษ พระองค์ยังคงดำรงชีวิตอย่างอดออมแบบฤาษี และยังทรงสวมชุดฤาษีตลอด ยกเว้นโอกาสที่เป็นทางการ พระองค์ทรงต่อสู้กับเรื่องการหาประโยชน์ทางศาสนา เรื่องการไม่รู้จักบังคับตนเอง เรื่องคำสอนผิดๆ และเรื่องความอยุติธรรม แต่ทรงส่งเสริมให้มีความสนใจอย่างกว้างขวางมากขึ้นในเรื่องพิธีกรรมของพระศาสนจักร และเรื่องดนตรีศักดิ์สิทธิ์ (บทเพลงเกรโกเรียนภาษาลาติน และการขับร้องบทเพลงเกรโกเรียน ก็ได้อานิสงส์มาจากพระสันตะปาปาพระองค์นี้)
ส่วนในด้านการบริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ของพระศาสนจักร ซึ่งแผ่กระจายอยู่ทั่วอิตาลี อาฟริกา และเกาะซิซิลี นั้น พระสันตะปาปาเกรโกรี่ ผู้สืบตำแหน่งต่อจากนักบุญเปโตรในลำดับที่ 64 ได้ทรงถือคติว่า ทั้งพระองค์ และบรรดาผู้จัดการทรัพย์สินของพระองค์ เป็นเพียงผู้ดูแลผลประโยชน์ภายใต้ความรักของพระคริสตเจ้า เพื่อดูแลคนยากคนจน จึงทำงานด้านสงเคราะห์นี้ด้วยความรักอย่างไม่มีขอบเขต ในช่วงเวลานั้นที่กรุงโรมอดอยากมากแถมยังมีผู้อพยพที่หนีมาจากพวกลอมบาร์ด ได้ทรงช่วยเหลือผู้คนมากมายเหล่านั้น จนกระทั่งปี ค.ศ. 598 ถึงจะทรงสามารถทำสนธิสัญญากับผู้รุกรานเหล่านี้ที่เรียกว่าพวก Arian โดยที่พระสันตะปาปาได้ทรงเจรจากับพระราชินีคาทอลิกของพวกเขาที่ชื่อว่า Theodelinda สนธิสัญญาที่มีชื่อเสียงนี้ยังคงเก็บรักษาไว้ ทำให้เราได้ทราบถึงรายละเอียดต่างๆที่น่าสนใจ ในเวลาต่อมาได้เกิดความตึงเครียดในความสัมพันธ์กับจักรพรรดิแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล พระสันตะปาปาเกรโกรี่ได้ประกาศว่าหน้าที่ของผู้มีอำนาจทางโลกจะต้องป้องกันเรื่อง "สันติสุขของความเชื่อ" (the peace of the faith) ทรงยืนยันว่า พระสันตะปาปาทรงมีอำนาจสูงสุดในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพระศาสนจักร จะต้องไม่มีกฤษฎีกาของสภาสังคายนาหรือซีโน้ดใดถือว่าถูกต้องโดยปราศจากการรับรองของพระสันตะปาปา
พระองค์ทรงงานหนักอย่างร้อนรนในการเจรจากับพวกลอมบาร์ดในอิตาลี พวกโกธ(Goths)ในสเปน พวกนอกศาสนาในแคว้นโกล(Gaul) และได้ทรงส่งฤาษีคณะออกัสตินไป 40 คน เพื่อทำให้เกิดการกลับใจใหม่ในแคว้น Saxon England ในปี ค.ศ. 596 ยังทรงจัดการปลดปล่อยให้เป็นอิสระกับเด็กชายชาวอังกฤษที่เป็นทาส และให้การศึกษากับพวกเขา ซึ่งอาจจะได้กลับไปบ้านในเวลาต่อไปในฐานะเป็นมิชชันนารี
นักบุญเกรโกรี่ พระสันตะปาปาผู้สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 604 ได้รับความเคารพในฐานะที่ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ของบรรดานักร้อง ผู้คงแก่เรียน(นักวิชาการ) และบรรดาครู
(ถอดความโดย คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ จากหนังสือ Saint Companions For Each Day ; เขียนโดย A.J.M. Mausolfe และ J.K. Mausolfe)