แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันอาทิตย์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 21:5-19)                                              

เวลานั้น บางคนให้ข้อสังเกตว่า พระวิหารมีหินและของถวายตกแต่งอย่างงดงาม พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “สักวันหนึ่ง ทุกสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกันอยู่เลย” เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และมีเครื่องหมายใดบอกว่าเหตุการณ์นี้กำลังจะเกิดขึ้น” พระองค์ตรัสตอบว่า “จงระวังอย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านได้ หลายคนจะอ้างนามของเรา พูดว่า ‘ฉันเป็นพระคริสต์’ และ ‘เวลากำหนดมาถึงแล้ว’ อย่าตามเขาไป เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินข่าวลือเรื่องสงครามและการปฏิวัติ จงอย่าตกใจ เหตุการณ์เหล่านี้จำเป็นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่ยังไม่ถึงวาระสุดท้าย” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชาติหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกชาติหนึ่ง อาณาจักรหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกอาณาจักรหนึ่ง แผ่นดินไหวใหญ่หลวง ความอดอยาก และโรคระบาดจะเกิดขึ้นหลายแห่ง จะมีเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัว และเครื่องหมายยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในท้องฟ้า”

“แต่ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เขาจะจับกุมท่าน จะเบียดเบียนท่าน จะนำท่านไปไต่สวนในศาลาธรรม และจะจองจำท่านในคุก เขาจะนำท่านไปยืนต่อหน้ากษัตริย์และผู้ว่าราชการเพราะนามของเรา และนี่จะเป็นโอกาสให้ท่านเป็นพยานถึงเรา จงตัดสินใจว่าท่านจะไม่หาคำแก้ตัวไว้ก่อน เราจะให้คำพูดและปรีชาญาณแก่ท่าน ซึ่งศัตรูของท่านจะต้านทานหรือโต้แย้งไม่ได้ บิดามารดา พี่น้อง ญาติและมิตรสหายจะทรยศต่อท่าน บางท่านจะต้องถูกประหารชีวิตด้วย ท่านทั้งหลายจะเป็นที่เกลียดชังของทุกคนเพราะนามของเรา แต่เส้นผมบนศีรษะของท่านจะไม่เสียไปแม้แต่เส้นเดียว ด้วยการยืนหยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้”


ลก 21:5-36  การชื่นชมพระวิหารของบรรดาศิษย์เป็นโอกาสให้พระคริสตเจ้าทรงทำนายอีกครั้งหนึ่งถึงการล่มสลายของกรุงเยรูซาเล็มและการทำลายพระวิหารด้วยฝีมือของชาวโรมัน ผู้คนในยุคปัจจุบันจะต้องพบกับความยากลำบากมากมาย รวมถึงการพบกับบรรดาประกาศกเทียมและภัยพิบัติทางธรรมชาติอีกด้วย สำหรับผู้ที่ยังคงรักษาความเชื่อไว้ได้ เขาจะต้องพบกับความเกลียดชัง การทรยศ การถูกข่มเหงรังแก และแม้กระทั่งความตายด้วย อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือ และเสริมกำลังโดยพระคริสตเจ้า ผู้ซึ่งจะประทานปรีชาญาณที่จำเป็นให้แก่พวกเขาในยามที่ถูกผจญ มโนภาพนี้นำเสนอให้เห็นถึงอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ การเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสตเจ้า ซึ่งจะมาพร้อมกับเครื่องหมายต่างๆ และมีจุดสูงสุดอยู่ที่การพิพากษาครั้งสุดท้าย แม้จะมีสัญญาณต่างๆ แต่ก็ไม่มีใครล่วงรู้ถึงช่วงเวลาที่แน่นอนของวันสิ้นโลก ดังนั้นเราต้องเตรียมตนให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา โดยมุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตด้วยการสวดภาวนาและกระทำกิจเมตตา

พระเยซูเจ้าทรงสอนให้อธิษฐานภาวนา

CCC ข้อ 2612  “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว” (มก 1:15) ในพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเรียกทุกคนให้กลับใจ มีความเชื่อ รวมทั้งให้เฝ้าระวังด้วย เมื่ออธิษฐานภาวนา ศิษย์จึงต้องตั้งใจเฝ้าระวังพระองค์ผู้ทรงเป็นอยู่และกำลังเสด็จมา โดยระลึกถึงการเสด็จมาครั้งแรกของพระองค์ในความถ่อมตนเมื่อทรงรับสภาพมนุษย์ และมีความหวังในการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อบรรดาศิษย์อธิษฐานภาวนาร่วมกับพระอาจารย์  การอธิษฐานภาวนานี้ก็เป็นดังการต่อสู้  และโดยเฝ้าระวังในการอธิษฐานภาวนาเท่านั้นที่จะช่วยไม่ให้เราถูกผจญ


ลก 21:8  หลายคนจะอ้างนามของเรา : นักประวัติศาสตร์บางคนได้บันทึกไว้ว่า ประกาศกเทียมหลายคนในช่วงศตวรรษที่หนึ่งได้ประกาศตัวว่าเป็นพระเมสสิยาห์ เกือบทั้งหมดเป็นนักปฏิวัติที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำอิสรภาพทางการเมืองจากชาวโรมันกลับคืนมา ประกาศกเทียมซึ่งสอนสิ่งที่ผิดหลงอย่างรู้ตัวและชักนำผู้อื่นให้หลงผิดนั้นได้ทำบาปต่อความยุติธรรมและต่อความรัก

การทำผิดต่อความจริง

CCC ข้อ 2485 การกล่าวมุสาเป็นความผิดโดยธรรมชาติ เป็นการทำลายคำพูดซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสื่อความจริงที่ตนรู้ให้ผู้อื่นทราบ เจตนาที่จงใจพูดขัดต่อความจริงเพื่อชักนำผู้อื่นให้หลงผิดนับได้ว่าเป็นความผิดต่อความยุติธรรมและต่อความรัก ความผิดยิ่งหนักขึ้นเมื่อเจตนาที่จะหลอกลวงนั้นทำผู้ถูกหลอกลวงไม่ให้รู้ความจริงนั้นอาจได้รับผลร้ายถึงชีวิต


ลก 21:12  พระคริสตเจ้าทรงเตือนบรรดาศิษย์ของพระองค์ว่า พวกเขาจะต้องพบกับการถูกเบียดเบียน และเป็นการทดลองครั้งสุดท้ายที่พระศาสนจักรต้องรับการทนทุกข์ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

การทดสอบพระศาสนจักรขั้นสุดท้าย

CCC ข้อ 675 ก่อนที่พระคริสตเจ้าจะเสด็จมา พระศาสนจักรจะต้องผ่านการทดลองสุดท้ายที่จะทำให้ความเชื่อของผู้มีความเชื่อหลายคนต้องสั่นคลอนการเบียดเบียนซึ่งจะอยู่เคียงข้างกับการเดินทางของพระศาสนจักรในโลกนี้ จะเปิดเผยให้เห็น “ธรรมล้ำลึกแห่งความชั่วร้าย” ในรูปของความหลอกลวงทางศาสนาที่เสนอวิธีแก้ปัญหาอย่างเสแสร้งทำให้หลายคนต้องยอมปฏิเสธความจริง ความหลอกลวงด้านศาสนาที่ร้ายแรงที่สุดนั้นก็คือความหลอกลวงของผู้เป็นปฏิปักษ์กับพระคริสตเจ้า (Antichrist) หรือพระเมสสิยาห์จอมปลอมที่ทำให้มนุษย์ยกย่องตนเองแทนพระเจ้าและพระเมสสิยาห์ของพระองค์ผู้เสด็จมารับสภาพมนุษย์

งานธรรมทูต – ความจำเป็นสำหรับสากลภาพของพระศาสนจักร

CCC ข้อ 852 วิธีการของงานธรรมทูต “พระจิตเจ้าทรงมีบทบาทสำคัญของงานธรรมทูตทั้งหมดของพระศาสนจักร”พระจิตเจ้าทรงเป็นผู้นำในหนทางของงานธรรมทูตซึ่งยังดำเนินอยู่ต่อไป และตลอดมาในอดีต ก็ได้แผ่ขยายพันธกิจของพระคริสตเจ้าผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อประกาศข่าวดีแก่คนยากจน “พระศาสนจักรจึงต้องดำเนินในหนทางเดียวกันกับที่พระคริสตเจ้า เคยทรงพระดำเนินโดยมีพระจิตของพระคริสตเจ้าทรงผลักดัน นั่นคือในหนทางแห่งความยากจน ความเชื่อฟัง การรับใช้และการถวายตนเองยอมรับความตาย เพื่อทรงกลับคืนพระชนมชีพจากความตายนี้ในฐานะผู้พิชิต” ด้วยวิธีนี้ “โลหิตของบรรดามรณสักขีจึงเป็นเสมือนเมล็ดพันธุ์ที่ให้กำเนิดบรรดาคริสตชน”

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)