แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันพุธ สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา 

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 17:11ข-19)                               

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ โปรดเฝ้ารักษาบรรดาผู้ที่ทรงมอบให้ข้าพเจ้าไว้ในพระนามของพระองค์ เพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนกับพระองค์และข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาเขาเหล่านั้นไว้ในพระนามของพระองค์ ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาไว้ และไม่มีผู้ใดพินาศ เว้นแต่ผู้ที่ต้องพินาศ เพื่อให้เป็นจริงตามพระคัมภีร์ แต่บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังกลับไปเฝ้าพระองค์ ข้าพเจ้ากล่าววาจานี้ขณะที่ยังอยู่ในโลก เพื่อบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้าจะมีความยินดีบริบูรณ์พร้อมกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามอบพระวาจาของพระองค์ให้เขาเหล่านั้นแล้ว และโลกเกลียดชังเขา เพราะเขาไม่เป็นของโลก เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก ข้าพเจ้าไม่ได้วอนขอพระองค์ให้ทรงยกเขาออกจากโลก แต่วอนขอให้ทรงรักษาเขาให้พ้นจากมารร้าย เขาไม่เป็นของโลก เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก โปรดบันดาลให้เขาศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยความจริง พระวาจาของพระองค์คือความจริง พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามาในโลกฉันใด ข้าพเจ้าก็ส่งเขาเข้าไปในโลกฉันนั้น ข้าพเจ้าถวายตนเป็นบูชาสำหรับเขา เพื่อเขาจะได้รับความศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงด้วย”


ยน 17:11 โปรดเฝ้ารักษาบรรดาผู้ที่ทรงมอบให้ข้าพเจ้าไว้ในพระนามของพระองค์ : พระคริสตเจ้าทรงภาวนาเพื่อให้บรรดาอัครสาวกของพระองค์ตื่นตัวในความเชื่อ เพื่อพวกเขาจะพากเพียรอดทนต่อความยากลำบากทุกอย่าง  เพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนกับพระองค์และข้าพเจ้า : ผู้ติดตามพระคริสตเจ้าควรสะท้อนให้เห็นถึงเอกภาพและความรักแบบเดียวกันกับชีวิตของพระตรีเอกภาพ ข้อความนี้เรียกร้องให้ภาวนาและทำงานเพื่อเอกภาพในระหว่างบรรดาคริสตชน โดยไม่ส่งผลกระทบกับความจริงที่เปิดเผยและรับรู้กันในงานด้านคริสตศาสนสัมพันธ์

การอธิษฐานภาวนาตามเวลาของพระเยซูเจ้า

  CCC ข้อ 2747 ธรรมประเพณีของคริสตชนเรียกการอธิษฐานภาวนานี้ว่า “คำอธิษฐานในฐานะสมณะ” ของพระเยซูเจ้า คำอธิษฐานภาวนาตอนนี้เป็นคำอธิษฐานภาวนาของมหาสมณะของเรา ที่แยกไม่ได้จากการถวายบูชาของพระองค์ และจากการเสด็จไปเฝ้าพระบิดา (เป็น “การผ่าน” – Pascha) ในการนี้พระองค์ “ทรงถวายองค์” แด่พระบิดาอย่างสมบูรณ์

  CCC ข้อ 2749 พระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติภารกิจทั้งหมดของพระบิดา และการอธิษฐานภาวนาของพระองค์แผ่ขยายไปจนวาระสุดท้ายที่ภารกิจเหล่านี้จะสำเร็จลง พระเยซูเจ้าที่พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งให้ก็ทรงมอบพระองค์ทั้งหมดแก่พระบิดาและทรงใช้อิสรภาพสูงสุดสำแดงพระองค์ ประทานอำนาจที่พระบิดาประทานให้นี้แก่มนุษย์ทุกคน พระบุตรผู้ทรงทำตนเป็นผู้รับใช้นี้ทรงเป็น “องค์พระผู้เป็นเจ้า” Pantokrator (ผู้ปกครองทุกสิ่ง) พระมหาสมณะของเราซึ่งอธิษฐานภาวนาเพื่อเรานี้ยังเป็นผู้ที่อธิษฐานภาวนาในตัวเราและเป็นพระเจ้าผู้ทรงฟังเราอีกด้วย

“พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ”

  CCC ข้อ 2815 คำวอนขอประการนี้ ซึ่งรวมคำวอนขอทุกข้อ พระเจ้าทรงฟังเหมือนกับเป็นการอธิษฐานภาวนาของพระคริสตเจ้า เช่นเดียวกับคำวอนขออีกหกข้อที่เหลือซึ่งตามมา การอธิษฐานภาวนาต่อพระบิดาของเราเป็นการอธิษฐานภาวนาของเรา ถ้าเราอธิษฐานในพระนามของพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงวอนขอในคำอธิษฐานมหาสมณะของพระองค์ว่า “ข้าแต่พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ โปรดเฝ้ารักษาบรรดาผู้ที่ทรงมอบให้ข้าพเจ้าไว้ในพระนามของพระองค์” (ยน 17:11)

“โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การประจญ” (ตามตัวอักษรว่า “อย่านำข้าพเจ้าทั้งหลายเข้าไปในการประจญ”)

CCC ข้อ 2849 การต่อสู้เช่นนี้และชัยชนะเช่นนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้นอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนา อาศัยการอธิษฐานภาวนา พระเยซูเจ้าทรงพิชิตมารผจญตั้งแต่แรก รวมทั้งในการต่อสู้กับการทนทุกข์ทรมานครั้งสุดท้าย ในการวอนขอพระบิดาของเราครั้งนี้ พระคริสตเจ้าทรงรวมเราไว้กับการต่อสู้กับการทนทุกข์ครั้งสุดท้ายของพระองค์ด้วย มีการกล่าวอยู่ตลอดเวลาให้เรามีใจตื่นเฝ้าระวัง ร่วมกับการตื่นเฝ้าระวังของพระองค์ การตื่นเฝ้าเป็น “การคอยเฝ้าระวังจิตใจ” และพระเยซูเจ้าทรงวอนขอพระบิดาให้ทรงเฝ้ารักษาพวกเราไว้ในพระนามของพระองค์ พระจิตเจ้าทรงพยายามปลุกเร้าเราไว้ตลอดเวลาให้คอยตื่นเฝ้าเช่นนี้ คำขอข้อนี้มีความหมายจริงจังเป็นพิเศษในความสัมพันธ์กับการผจญในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเราในโลกนี้ คำวอนขอข้อนี้วอนขอให้เรามีความยืนหยัดมั่นคงจนถึงวาระสุดท้าย “ดูเถิด เรามาเหมือนขโมย ผู้ที่ตื่นเฝ้า... ย่อมเป็นสุข” (วว 16:15)


ยน 17:12 บุตรแห่งความพินาศ : ยูดาสผู้ซึ่งในอีกไม่ช้าจะทรยศต่อพระคริสตเจ้า เป็นอัครสาวกคนเดียวที่ “หลงผิด” เพราะเขาขาดความหวังและการกลับใจที่แท้จริง


ยน 17:13 คำอธิษฐานของพระคริสตเจ้าแผ่ขยายไปจนถึงวันสิ้นพิภพ ในการเสด็จกลับไปหาพระบิดาและประทับเบื้องพระหัตถ์ขวาของพระองค์นั้น พระคริสตเจ้า พระสมณะผู้สูงสุดของเรายังคงอธิษฐานภาวนาเพื่อเรา และประทานพระหรรษทานแห่งความรอดพ้นและความศักดิ์สิทธิ์โดยทางพระศาสนจักรของพระองค์

  CCC ข้อ 2747, 2749 อ่านเพิ่มเติมด้านบน (ยน 17:11)


ยน 17:14-16 โลก : ในกรณีนี้หมายถึงการทุจริตของมนุษยชาติที่เกิดจากการล่อลวงที่มาจากโลก บรรดาอัครสาวกจะต้องดำเนินชีวิตและเป็นศาสนบริกรในโลก แต่ต้องไม่เป็น "ของโลก" ด้วยเหตุนี้พระคริสตเจ้าจึงทรงภาวนาเพื่อให้คนของพระองค์ได้รับการยืนยันในความซื่อสัตย์ และได้รับการปกป้องจากการล่อลวงที่มาจากอำนาจแห่งความชั่วร้าย

“แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ”

  CCC ข้อ 2850 คำวอนขอสุดท้ายต่อพระบิดาของเรายังพบด้วยในคำอธิษฐานภาวนาของพระเยซูเจ้า “ข้าพเจ้าไม่ได้วอนขอพระองค์ให้ทรงยกเขาออกจากโลก แต่วอนขอให้ทรงรักษาเขาให้พ้นจากมารร้าย” (ยน17:15) คำวอนขอนี้เกี่ยวข้องกับเรา เกี่ยวข้องกับแต่ละคนโดยตรง แต่เป็น “พวกเรา” เสมอที่อธิษฐานวอนขอร่วมกับพระศาสนจักรทั้งหมด และเพื่อความรอดพ้นของมนุษยชาติทั้งหมด บทข้าแต่พระบิดาจึงยังเปิดใจของเราให้กว้างเท่ากับขอบเขตของแผนการความรอดพ้น การที่เราแต่ละคนยังคงเกี่ยวข้องกับชะตากรรมเรื่องบาปและความตายร่วมกันนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงไปภายในพระวรกายของพระคริสตเจ้า ใน “ความสัมพันธ์ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์”

  CCC ข้อ 2851 ในคำวอนขอข้อนี้ “ความชั่วร้าย” ไม่ใช่อาการนามคำหนึ่ง แต่หมายถึง “บุคคล” คือ “มารร้าย” ทูตสวรรค์ที่ต่อต้านพระเจ้า “ปีศาจ” ตามรากศัพท์ (dia-bolos) หมายถึงผู้ “วางตัวขัดขวาง” แผนการของพระเจ้าและ “กิจการงานความรอดพ้น” ที่สำเร็จไปในพระคริสตเจ้า

  CCC ข้อ 2852 ปีศาจนี้ “เป็นฆาตกรมาตั้งแต่แรกเริ่ม […] เป็นผู้พูดเท็จ […] และเป็นบิดาของการพูดเท็จ” (ยน 8:44) “ซาตานผู้ล่อลวงผู้อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินให้หลงไป” (วว 12:9) เป็นผู้ที่ทำให้บาปและความตายเข้ามาในโลก และเมื่อมันต้องพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาดแล้ว สิ่งสร้างทั้งหลายจึงจะ “รอดพ้นจากความเสื่อมสลายของบาปและความตาย” “เรารู้ว่าทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าย่อมไม่ทำบาป เพราะพระผู้ทรงบังเกิดจากพระเจ้าทรงเฝ้ารักษาเขาไว้ และมารร้ายไม่อาจแตะต้องเขาได้ เรารู้ว่าเรามาจากพระเจ้า โลกทั้งหมดอยู่ใต้อำนาจของมารร้าย” (1 ยน 5:18-19)

 “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงลบล้างบาปของท่านและทรงอภัยความผิดของท่าน ทรงพระอานุภาพที่จะดูแลและปกปักรักษาท่านต่อสู้กับเล่ห์กลของปีศาจฝ่ายตรงข้าม เพื่อศัตรูที่คอยชักชวนท่านให้ทำผิดจะเอาชนะท่านไม่ได้ แต่ผู้ที่มอบตนไว้กับพระเจ้าย่อมไม่กลัวปีศาจ เพราะ ‘ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเรา ใครจะสู้เราได้’ (รม 8:31)”

  CCC ข้อ 2853 ชัยชนะเหนือ “เจ้านายแห่งโลกนี้” ครั้งเดียวสำหรับตลอดไปนี้ได้มาในเวลานั้นเมื่อพระเยซูเจ้าทรงยินดีมอบพระองค์แก่ความตายเพื่อประทานชีวิตให้แก่เรา เวลานั้นถึงเวลาที่จะพิพากษาโลกแล้ว  และเจ้านายแห่งโลกนี้ “กำลังจะถูกขับไล่ออกไป” มัน “ได้เบียดเบียนสตรี” (วว 12:13) แต่ก็จับนางไม่ได้ นางคือนางเอวาคนใหม่ “เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน” ของพระจิตเจ้า ได้รับการปกป้องไว้ให้พ้นจากบาปและความเสื่อมสลายของความตาย (การปฏิสนธินิรมลและการได้รับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ของพระมารดาศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเจ้า พระนางมารีย์ผู้ทรงเป็นพรหมจารีเสมอ) “มังกรโกรธสตรีและออกไปทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ที่เหลือของนาง” (วว 12:17) เพราะเหตุนี้ พระจิตเจ้าจึงตรัสพร้อมกับพระศาสนจักรว่า “เชิญเสด็จมาเถิด ข้าแต่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า” (วว 22:17, 20) เพราะการเสด็จมาของพระองค์จะช่วยเราให้พ้นจากความชั่วร้าย (หรือ “จากมารร้าย”)

  CCC ข้อ 2854 เมื่อวอนขอให้รอดพ้นจากความชั่วร้าย (หรือ “จากมารร้าย”) เราก็วอนขอให้รับการช่วยให้พ้นจากอันตรายทั้งหลาย ในปัจจุบัน อดีตและอนาคตที่มารร้ายเป็นผู้ก่อหรือบันดาลให้ก่อขึ้น ในคำวอนขอข้อสุดท้ายนี้ พระศาสนจักรนำความทุกข์ยากทั้งหลายของโลกมาไว้เฉพาะพระพักตร์พระบิดา พร้อมกับการช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายที่รบกวนมนุษยชาติ พระศาสนจักรจึงวอนขอของประทานที่มีค่า คือสันติภาพและการมีความยืนหยัดมั่นคงรอคอยการเสด็จกลับมาของพระคริสตเจ้า เมื่ออธิษฐานภาวนาเช่นนี้ พระศาสนจักรรวบรวมมนุษย์ทุกคนและทุกสิ่งล่วงหน้าในความเชื่อที่ถ่อมตนไว้ในพระองค์ผู้ทรงมีอำนาจเหนือความตายและเหนือแดนผู้ตาย” (วว 1:18) “พระองค์ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบัน ผู้ทรงดำรงอยู่ในอดีตและผู้เสด็จมา พระผู้ทรงสรรพานุภาพ” (วว 1:8)

 “โปรดเถิด พระเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้พ้นภยันตรายทั้งสิ้น โปรดประทานสันติสุขทุกวันนี้ ทรงพระกรุณาให้พ้นบาปและปลอดภัยจากความวุ่นวายใดๆ ตลอดไป ขณะที่หวังจะได้รับความสุขและรอรับเสด็จพระเยซูคริสตเจ้าพระผู้กอบกู้ข้าพเจ้าทั้งหลาย”


ยน 17:17-20 พระคริสตเจ้าประทานภารกิจศักดิ์สิทธิ์ให้แก่บรรดาอัครสาวกของพระองค์ ถึงแม้ว่าสมาชิกทุกคนของพระศาสนจักรถูกเรียกให้รับใช้พระเจ้าก็จริง แต่บรรดาอัครสาวกได้รับการเรียกที่ไม่เหมือนใครให้เริ่มต้นการประกาศพระวรสารให้แก่โลกในพระนามของพระคริสตเจ้า และภารกิจนี้ยังคงดำเนินต่อไปโดยผู้สืบตำแหน่งต่อจากพวกท่านไปจนกว่าจะสิ้นพิภพ  พระวาจาของพระองค์คือความจริง : พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้เปิดเผยความจริงทั้งมวลของพระเจ้า การยอมรับแบบอย่างและคำสอนของพระคริสตเจ้าคือแก่นแท้ของการดำเนินชีวิตตามความจริง

พันธกิจของบรรดาอัครสาวก

  CCC ข้อ 858 พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ที่พระบิดาเจ้าทรงส่งมา นับตั้งแต่เริ่มออกเทศน์สอนประชาชน “พระองค์ทรงเรียกผู้ที่พระองค์ทรงต้องการให้มาพบ [...] พระองค์จึงทรงแต่ตั้งอัครสาวกสิบสองคนให้อยู่กับพระองค์ และเพื่อจะทรงส่งเขาออกไปเทศน์สอน” (มก 3:13-14) ดังนั้น เขาเหล่านี้จึงเป็น “ผู้ที่ถูกส่งไป” ของพระองค์ (คำภาษากรีก “apostoloi” มีความหมายเช่นนี้) พระองค์ทรงปฏิบัติพันธกิจของพระองค์ต่อไปในเขาเหล่านี้ “พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น” (ยน 20:21) ศาสนบริการของเขาเหล่านี้จึงเป็นการสืบต่อพันธกิจของพระองค์ พระองค์ตรัสแก่เขาทั้งสิบสองคนว่า “ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลายก็ต้อนรับเรา” (มธ 10:40)

ดำเนินชีวิตในความจริง

  CCC ข้อ 2466 ความจริงของพระเจ้าปรากฏชัดเจนอย่างสมบูรณ์ในพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริงทรงเป็น “แสงสว่างส่องโลก” (ยน 8:12) พระองค์ทรงเป็นความจริง ทุกคนที่เชื่อในพระองค์ไม่อยู่ในความมืด ศิษย์ของพระเยซูเจ้ายึดมั่นในพระวาจาของพระองค์เพื่อจะรู้ความจริงซึ่งจะช่วยให้เป็นอิสระและบันดาลให้ศักดิ์สิทธิ์ การติดตามพระเยซูเจ้าเป็นการดำเนินชีวิตเดชะพระจิตเจ้าแห่งความจริงที่พระบิดาทรงส่งมาในพระนามของพระองค์ผู้ทรงนำเราไปสู่ความจริงทั้งมวล” (ยน 16:13) พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาศิษย์ให้รักความจริงโดยไม่มีเงื่อนไข “ท่านจงกล่าวเพียงว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’” (มธ 5:37)

“พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ”

  CCC ข้อ 2812 ในที่สุด พระนามของพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้รับการเปิดเผยและประทานให้เราในพระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ที่ทรงรับสภาพมนุษย์ ได้รับการเปิดเผยจากสภาพที่พระองค์เองทรงเป็น จากพระวาจาที่ตรัสและจากการถวายบูชาของพระองค์ การเปิดเผยนี้เป็นหัวใจของคำอธิษฐานภาวนาของพระองค์ในฐานะมหาสมณะ เมื่อตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ข้าพเจ้าถวายตนเป็นบูชาสำหรับเขา เพื่อเขาจะได้รับความศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงด้วย” (ยน 17:19) เพราะว่าพระเยซูเจ้าทรง “บันดาลความศักดิ์สิทธิ์” แก่พระนามของพระองค์ ก็ยังทรง “แสดง” พระนามของพระบิดาให้แก่เราด้วย เมื่อปัสกาของพระเยซูเจ้าสิ้นสุดแล้ว พระบิดาก็ประทานพระนามที่ประเสริฐกว่านามอื่นใดทั้งสิ้นให้แก่พระองค์ด้วยโดยทรงประกาศว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าพระบิดา

“พระอาณาจักรจงมาถึง”

  CCC ข้อ 2821 คำวอนขอนี้ได้รับการสนับสนุนจากการอธิษฐานภาวนาของพระเยซูเจ้าและพระเจ้าทรงฟังในการอธิษฐานภาวนาของพระคริสตเจ้า ที่มีอยู่และเกิดผลในพิธีบูชาขอบพระคุณ และบังเกิดผลในชีวิตใหม่ตามคำสอนเรื่องความสุขแท้จริง

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)