แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ทำไมฉันจึงพิจารณาเลือกการศึกษาคาทอลิกให้ลูกหลานเรียน?
เหตุผล 10 ประการที่คุณต้องสวดภาวนาเกี่ยวกับการศึกษาคาทอลิกในปัจจุบันนี้
               การเงิน ทำเลที่ตั้ง การรับรู้ข้อบกพร่องทางวิชาการ. เหล่านี้เป็นเพียงเหตุผลบางส่วนของพ่อแม่ที่เลือกโรงเรียนการศึกษาคาทอลิก
         แต่ในที่นี้ เราขอเสนอข้ออภิปราย 10 ข้อ ที่ชื่นชอบการศึกษาคาทอลิก. ทั้งด้านพระคัมภีร์และภาคปฏิบัติ. แต่มีอิทธิพลมากที่สุด
 1.มีการสอนคำสอนในโรงเรียนคาทอลิก (คริสตศาสนธรรม)
         การเริ่มต้นพัฒนาชาติคือ ระบบการศึกษา เมื่อตัดสินใจเลือกวิธีการจัดการศึกษาให้ลูกๆ, เราเห็นความสำคัญที่จะวอนขอพระผู้ที่ทรงคิดค้นการศึกษา
 “ท่านทั้งหลายจะต้องใส่ถ้อยคำเหล่านี้ของข้าพเจ้าไว้ในใจและในวิญญาณของท่าน ท่านจะต้องผูกไว้ที่มือเป็นเครื่องหมาย คาดไว้ที่หน้าผาก  ท่านจะต้องพร่ำสอนบรรดาบุตรของท่าน ด้วยถ้อยคำเหล่านี้ทั้งเวลานั่งอยู่ในบ้านและเดินตามถนน ทั้งเวลาไปนอนและตื่นนอน”  (เฉลยธรรมบัญญัติ 11: 18-19)

" ณ ที่นี้ อำนาจด้านคำสอน คือ ทำให้จิตใจลูกหลานของเราเต็มไปด้วยพระวาจาของพระเจ้า. เป็นงานที่ยากภายใต้สถานการณ์ต่างๆ, แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสิ่งดังกล่าวในโรงเรียนของรัฐ.ครั้งหนึ่งภายในห้องเรียน ที่เด็กใช้เวลา 30 ถึง 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์  เพื่อบอกเด็กว่า พระเจ้าทรงมีอยู่. ไม่ว่าเหตุผลที่จิตวิญญาณของเด็กของคุณเป็นเช่นไรก็ตาม, อาจจะพูดซ้ำถึงความคิดเชิงลบดังกล่าว และเกิดผลกระทบเชิงลบตามมาก็ตาม.
         ปัจจุบันนี้ การศึกษาคาทอลิกได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย  บางครั้ง ผู้สอนเองแทรกแนวคิดธรรมชาตินิยมเชิงวิทยาศาสตร์และค่านิยมแบบอเทวนิยม.
         โรงเรียนคาทอลิกนำเสนอทางเลือกด้านพระคัมภีร์ที่สดใหม่. เป็นสิ่งที่พระคัมภีร์สอนพระวาจาของพระเจ้าที่รับการดลใจ- และสร้างพื้นฐานความรู้อื่น ๆ ทั้งหมด.เช่น วิชาคณิตศาสตร์,วิชาสังคม,ชีววิทยา,เส้นทางวิชาการทั้งหมดนำไปสู่พระเจ้า, ซึ่งทรงเป็นต้นกำเนิดความรู้ทั้งมวล.  ลูกๆของคุณจะได้ไม่ไปเรียนในโรงเรียนที่ไม่ใช่คาทอลิก”
          "ข้าพเจ้าขอแนะนำว่าไม่มีใครที่จะจัดการให้ลูกของเขา ไปไว้ในสถานที่ที่ไม่ยึดพระคัมภีร์เป็นหลักที่สำคัญที่สุด.. สถาบันที่มนุษย์ไม่ยึดถือพระวาจาของพระเจ้า จะเกิดความเสียหาย ... ข้าพเจ้าขอพิสูจน์ว่าโรงเรียนนั้นจะกลายเป็นประตูนรก ถ้าพวกเขาไม่ขยันขันแข็งในการอธิบายพระคัมภีร์ ที่สลักไว้ในหัวใจของเด็กและเยาวชน ". (มาร์ติน    ลูเธอร์)
2. พระเจ้าทรงสั่งให้เราสอนเด็ก ๆ อาศัยพระวาจาของพระเจ้า
น่าเศร้า: โรงเรียนที่ไม่ใช่คาทอลิก, การประกาศตนเองในจิตใจมนุษย์,ได้เลือกที่จะไม่สนใจพระเจ้า ที่สร้างจิตใจมนุษย์.
           น่าเศร้าสลดยิ่งกว่าที่พวกเขาปล้น “ตำราที่มีคุณค่าของพวกเขาเอง”  ความจริง พระวาจาของพระเจ้าเป็นแหล่งที่มาของความจริงสูงสุดเท่านั้น
                     กษัตริย์ซาโลมอนทรงประพันธ์ไว้ว่า "ความยำเกรงพระยาเวห์ เป็นบ่อเกิดของปรีชาญาณ....การรู้จักพระผู้ศักดิ์สิทธิ์คือความเข้าใจ” (สุภาษิต 9:10). ขณะที่นักเรียนเรียนวิชาคณิตศาสตร์,ชีววิทยาและดนตรีในการสร้างสภาพแวดล้อมแบบคริสต์. นั่นเป็นการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า. และผลงานของความพยายามคือ - ปัญญาและความเข้าใจ – เป็นผลตอบแทนที่พระเจ้าประทานแก่นักเรียนทุกคนที่ความมุ่งมั่นที่ดี.
                พระเจ้าทรงคาดหวังให้คุณเป็นผู้ปกครองที่นับถือศาสนาคริสต์,เพาะบ่มพระวาจาของพระองค์ในเรื่องบ้าน,วัดและโรงเรียนทั้งหมด ล้วนส่งสารอันเดียวกัน, คือสอนความจริงของพระเจ้าที่มีความชัดเจน, ความเชื่อมั่นและความสอดคล้องต้องกัน. และในขณะที่ได้รับประโยชน์จากความมุ่งมั่นดังกล่าว,มักตระหนักมากในเวลาต่อมา, ที่นี่ เป็นบุคคลที่คุณสังเกตเห็นในระเบียบความคิดนี้. การศึกษาที่ใช้พระวาจาของพระเจ้าเป็นข้อความพื้นฐานที่เป็นมากกว่าการสร้างคริสตชนที่มีวุฒิภาวะทางจิตวิญญาณ. ทำให้พวกเขาฉลาดและมีความรู้มากขึ้น. บังคับให้พวกเขาเป็นนักคิดที่ดีกว่า. และไม่ได้เป็นเป้าหมายของการศึกษาในครั้งแรกได้อย่างไร
                    "ระบบโรงเรียนที่ไม่สนใจพระเจ้า,สอนให้นักเรียนของตนไม่สนใจพระเจ้า และนี่คือความไม่เป็นกลาง.มันเป็นรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการเป็นปรปักษ์กันเพราะตัดสินว่าพระเจ้าจะไม่สำคัญและไม่เกี่ยวข้องในกิจกรรมของมนุษย์.นี่เป็นแนวคิดอเทวนิยม...".  (Gordon H. Clark)
3. โรงเรียนต้องแบ่งปันค่านิยมของคุณ
               หากคุณเป็นพ่อแม่ที่นับถือศาสนาคริสต์ส่วนมาก,คุณได้สอนบุตรหลานของคุณเกี่ยวกับพระเจ้าตั้งแต่วันที่พวกเขาเกิดมา. คุณได้พาพวกเขาไปวัด,อ่านเรื่องราวในพระคัมภีร์ ร้องเพลง "พระเยซูทรงรักฉัน". ลองนึกสิ่งที่น่าตกใจเมื่อพวกเขาถูกผลักดันเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่พระเจ้าถูกเกลียดชัง เพิกเฉยหรือทั้งสองอย่าง
            โรงเรียนที่ไม่ใช่การศึกษาคาทอลิกถูกห้ามสอนค่านิยม พ่อแม่ก็สอนที่บ้าน. ทั้งสองแข่งขันกับพวกเขาหรือดูหมิ่นด้วย. เพราะคุณใส่ใจเกี่ยวกับการพัฒนาจิตใจและจิตวิญญาณของลูกของคุณ, คุณอาจใช้เวลามากมายในการสร้างสะพานเชื่อมช่องว่างความรู้ทางปรัชญาระหว่างศาสนาคริสต์กับมนุษยธรรม –  เมื่อลูกได้เข้าเรียนที่โรงเรียนคาทอลิก
                การมอบหมายลูกของคุณให้ได้รับการศึกษา ที่แบ่งปันค่านิยมต่างๆ, คุณก็จะมีเวลามากขึ้นสำหรับการเล่นบอลและขี่จักรยานและคุยเรื่องสนุกสนานได้.  แทนที่จะซักถามลูกของคุณ,คุณจะได้รู้จักพวกเขา
           "เพื่อที่จะมอบลูกหลานของเรา ให้อยู่ในการดูแลของคนที่ไม่นับถือศาสนา คือการมอบแกะให้หมาป่าดูแล".  -Timothy Dwight
4. เรื่องความปลอดภัย
โรงเรียนที่ไม่ใช่คริสต์เป็นสถานที่ที่เคร่งวินัย. ผลลัพธ์เป็นเช่นไร. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นคือ มีโจรกรรมและทำร้ายร่างกายกัน,พูดคำหยาบและก่อการจลาจลในห้องเรียน.
                 โรงเรียนคาทอลิกเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยกว่าสำหรับบุตรธิดาของคุณ ไม่มีปัญหาเรื่องยาเสพติด ติดสุรา แต่ก็มีระเบียบ
                นอกจากเรื่องสุขพลานามัยดีแล้ว โรงเรียนคาทอลิกมีสภาพแวดล้อมที่ให้เกิดอารมณ์และจิตวิญญาณปลอดภัยมาก ไม่ด่ากันและพูดสองแง่สองมุม, ฝึกให้ๆลูกอดทน. และมีทัศนคติที่ถูกต้องเรื่องการเมือง สังคม. โรงเรียนต่อต้านเรื่องรักร่วมเพศและการทำแท้ง รักษาจิตใจของนักเรียนด้วยการศึกษาที่เป็นที่นิยม ที่พ้นจากทัศนคติที่ผิดศีลธรรมเหล่านี้ได้
                    "บิดา อย่าย้ำสอนจนบุตรขุ่นเคือง แต่จงอบรมสั่งสอนและตักเตือนเขาตามหลักธรรมขององค์พระผู้เป็นเจ้า" (เอเฟซัส 6: 4)
5. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
          หลักเกณฑ์ในการวัดผลการเรียนของโรงเรียนคาทอลิกก็ไม่ต่างจากโรงเรียนรัฐ. แต่เกณฑ์ทดสอบมาตรฐานของโรงเรียนคาทอลิกสูงกว่าคะแนนมาตรฐาน, และเตรียมนักเรียนเพื่อสอบผ่านเข้ามหาวิทยาลัยได้ดีกว่า. แม้ในด้านวิชาการเช่น วิชาคณิตศาสตร์ และความรู้ที่เป็นพื้นฐานในการเรียนต่อระดับปริญญาตรีและการศึกษาระดับสูงต่อไป. ที่สำคัญคือ นักเรียนในโรงเรียนคาทอลิกได้รับการอบรมเรื่องจิตวิญญาณดีกว่า
              “การศึกษาคาทอลิกที่แท้จริงเป็นไปได้เมื่อการศึกษาคาทอลิกไม่เน้นแต่วิชาการเท่านั้น เช่นหลักสูตรของโรงเรียน. การเรียนรู้และความศรัทธาในศาสนาที่แท้จริงต้องร่วมมือกัน และศาสนาคริสต์มีผลต่อชีวิตทั้งหมด-คนเราจึงมั่นใจที่จะเลือกโรงเรียนคาทอลิก” - J. Gresham Machen
6. ครูรักและความเกรงกลัวพระเจ้า
             เหตุผลหนึ่งคือ ทำไมนักเรียนในโรงเรียนคาทอลิกประพฤติตัวดีในห้องเรียน ก็เพราะครูจำนวนมากเอาใจใส่นักเรียนอย่างแท้จริง. ครูเหล่านั้นอุทิศตนมากกว่าหวังการตบรางวัลด้วยเงินเพื่อรับใช้สถานที่ที่พวกเขาสามารถทำความดีภายในมากที่สุด
         นอกจากนี้ ความรักที่บรรดาครูรู้สึกต่อนักเรียนของพวกเขา, ผู้ให้การศึกษาส่วนใหญ่รักพระเจ้าอย่างมาก. จึงไม่เหมือนครูที่อื่น
         ครูมีอิทธิพลมากที่สุดในชีวิตนักเรียน.ผู้ให้การศึกษาคาทอลิกในโรงเรียนคาทอลิก ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการโรงเรียน  ครูใหญ่  ครูและผู้ปกครองมีจิตตารมณ์คาทอลิกเหมือนกัน.   "เพราะการทำสงครามเรียกร้องให้มีการวางแผน ชัยชนะขึ้นอยู่กับการมีที่ปรึกษาจำนวนมาก” (สุภาษิต 24: 6)
7. โรงเรียนคาทอลิกสนใจนักเรียนเป็นรายบุคคล
            นอกจากโรงเรียนคาทอลิกมีครูที่เอาใจใส่นักเรียนมีเปอร์เซ็นต์สูงแล้ว ยังเอาใจใส่นักเรียนเป็นรายบุคคลมากกว่าที่อื่นที่มีนักเรียนแออัดในห้องเรียนและมีบุคคลากรทางการศึกษาไม่เพียงพอ
"เหล็กลับเหล็กให้คมขึ้นได้ คนหนึ่งก็ช่วยเพื่อนให้ฉลาดขึ้นได้ด้วย" (สุภาษิต 27:17)
             กรณีของขนาดของห้องเรียน ชั้นเรียนในโรงเรียนคริสต์ในสหรัฐอเมริกา ในชั้นเรียนมีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า. พวกเขาจึงสนิทสนมกันดี ผู้สอนส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนมากกว่าการสังเกตการณ์.  นักเรียนเรียนรู้วิธีคิดสร้างสรรค์ได้อย่างรวดเร็วและได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่าร่วมกันและแสดงความคิดเห็นในเวทีสาธารณะ
8. ผู้เรียนในโรงเรียนคาทอลิกประสบความสำเร็จหลังจากสำเร็จการศึกษา
          เนื่องจากนักเรียนโรงเรียนคาทอลิกสอบเข้าเรียนการศึกษาระดับสูง(ปริญญาตรี ถึงปริญญาเอก)มีเปอร์เซนต์สูง. เพราะได้รับการเตรียมตัวเป็นอย่างดี. พวกเขามีพื้นฐานด้านจิตวิญญาณ จึงมีความเป็นเลิศในเรื่องศาสนบริการ พร้อมจะประกอบอาชีพ หรือมีจิตอาสาเพื่องานส่วนรวม
               นอกจากข้อได้เปรียบในทางปฏิบัติเหล่านี้,อย่างน้อย มีผลประโยชน์ที่ยากเกินกว่าอธิบาย. นักเรียนได้รับการฝึกในความจริงแห่งพระวาจาวันแล้ววันเล่าระหว่างเวลารับการอบรม ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน มีอุปกรณ์ดีขึ้น เพื่อยอมรับความคิดต่างของคนอื่นขณะที่เรียนปริญญาตรี. พร้อมที่จะจัดการความคิดไม่ตรงกัน ไม่ว่าจะอยู่ในมหาวิทยาลัยของฆราวาสขณะศึกษาระดับสูงหรือในที่ทำงาน. คนหนุ่มสาวที่มีรากฐานที่มั่นคงในพระคัมภีร์ ที่ทำให้พวกเขาไม่ตกเป็นเหยื่อของคำหลอกลวงที่แนบเนียนของวัฒนธรรมหลังสมัยใหม่ (post-modern culture).
                คำนิยาม “ความสำเร็จ”ไม่ใช่เรื่องการศึกษาวิชาทางโลก เงินเดือน หรือแม้กระทั่งชื่ออันทรงเกียรติ? แล้วพระเจ้าทรงวัดความสำเร็อย่างไร? ชีวิตแต่งงานที่ดีหรือ? ความเข้าใจความจริงทางพระคัมภีร์? เหล่านี้เป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องสวดภาวนาถึง
  "ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์ เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม " (2 ทิโมธี 3:16)
9. ความกดดันจากหน่วยงาน
            พระคัมภีร์เท่านั้นที่บอกเราว่า องค์กรที่ดีต้องปรับปรุงศีลธรรมที่เลว. เราหลายคนลองคิดดู. แต่น่าเสียดายที่สิ่งตรงข้ามเป็นจริง. องค์กรที่เลวทำลายศีลธรรมอันดีงาม 1 โครินธ์ 15:33)
อัครสาวกเปาโลบอกเรา และเราสามารถอ่านงานเขียนของท่านที่เขียนถึงผู้ฟังที่เป็นผู้ใหญ่เป็นส่วนใหญ่. คุณสามารถจินตนาการสิ่งที่ท่านบอกกลุ่มเด็กและเยาวชนที่พร้อมยอมรับความคิดของผู้อื่นโดยง่าย
           อย่าทำพลาด: อย่านำลูกๆของคุณไปอยู่กับหน่วยงานที่เลว ไม่ว่าหน่วยงานนั้นคือดรงเรยีนก็ตาม. หลายครั้ง พวกเขาคบเพื่อนไม่ดี. แต่ในสภาพแวดล้อมแบบคริสต์แล้ว พวกเขาจะมีโอกาสน้อยมากที่จะพบว่าตัวเองถูกล้อมรอบด้วยอิทธิพลที่ไม่ดี แต่เขาจะมีแนวโน้มที่จะพบอิทธิพลที่ดีมากใน
โรงเรียนคาทอลิก
  “อย่าให้ผู้ใดหลอกหลวงท่าน “การคบคนพาลทำให้เสียคน” (1 โครินธ์ 15:33)
10. สภาพของการศึกษาที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
                  เหตุผลสุดท้าย เราจะค้นพบโรงเรียนคาทอลิก เมื่อเราพิจารณาเลือกโรงเรียนต่างๆอย่างระมัดระวัง. ถ้าคุณศึกษาต้นกำเนิดและประวัติความเป็นมาของการศึกษาของโรงเรียนต่างๆ คุณก็อาจพบกับข้อเท็จจริงที่มีจุดอ่อนมากมาย