ข้อคิดข้อรำพึง
อาทิตย์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ปี C
“ยอห์นยังให้ถ้อยคำอื่นอีกมากตักเตือนและประกาศข่าวดีแก่ประชาชน”
มีชายคนหนึ่งได้รับเชิญให้ไปพูดเรื่องการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้ากับนักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง
ถ้าเราย้อนไปดูภูมิหลังของผู้พูดจะพบสิ่งที่น่าสนใจและน่าประหลาดใจ เพราะเขาเคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทยาแห่งหนึ่ง แต่แทนที่จะบริหารงานกันอย่างสุจริต กลับกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก เงินที่เขาได้รับในแต่ละเดือนประมาณสามสิบกว่าล้านบาท
แต่ต่อมา เขาก็ถูกจับ ถูกขังคุก และศาลตัดสินให้ต้องโทษจำคุกถึง 11 ปี ในคุกนี้เองที่เขามีเวลาพิจารณาอย่างจริงจังถึงชีวิตของเขา ความรู้สึกผิดได้ครอบงำเขาไว้ เขาสำนึกถึงความผิดที่เคยก่อไว้ และคิดจะฆ่าตัวตาย
ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เขาได้เป็นทุกข์เสียใจในอดีตของเขา และหันกลับไปหาพระเจ้า ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตใหม่ก็เปิดขึ้นสำหรับเขา เป็นชีวิตที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย
มันทำให้เขาเมื่อพ้นคุกมาแล้ว กลับเข้าไปเรียนในวิทยาลัยอีก และในขณะที่รับเชิญให้ไปพูดที่โรงเรียนดังที่กล่าวไว้ข้างบน เขากำลังทำปริญญาเอกในเรื่องเกี่ยวกับพันธสัญญาใหม่ในมหาวิทยาลัยคาทอลิกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง (Mark Link, SJ; Illustrated Sunday Homilies –Year C –Series III : pp.54-55)
คงทราบใช่ไหมครับว่าเขาจะพูดเรื่องอะไรให้นักเรียนฟัง เรื่องการกลับใจนั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่นักบุญลูกาเล่าไว้ว่ายอห์น บัปติสต์ มาเทศน์สอนข่าวดีให้กับประชาชนในเรื่องนี้ ผู้คนมากมายหลายสาขาอาชีพพากันมาหายอห์นเพื่ออยากรู้ว่าต้องทำอะไร
ทั้งสามอาชีพเป็นตัวแทนของกลุ่มคนในแบบต่างๆ พวกแรกเป็นประชาชนชาวยิว เป็นคนดี เมื่อถามว่าพวกเขาต้องทำอะไร ยอห์นก็บอกให้แบ่งปันสิ่งที่มีครึ่งหนึ่งให้คนอื่นไป พวกที่สองเป็นพวกคนเก็บภาษี พวกนี้เป็นชาวยิวแต่ชื่อ การปฏิบัติกลับถือตามมาตรฐานของโลก เหมือนพวกคนต่างศาสนา ยอห์นจึงแนะนำว่าอย่าเรียกเก็บภาษีเกินพิกัด พวกที่สามเป็นพวกต่างชาติ (ไม่ใช่ชาวยิว-เป็นทหารโรมัน) ซึ่งยอห์นก็ให้คำแนะนำว่า อย่าขู่กรรโชก อย่ากล่าวเท็จ แต่จงพอใจในค่าจ้างของตน
น่าสนใจว่ายอห์นไม่ได้เรียกร้องจากประชาชนในสิ่งที่ยากเกินไป ที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ได้บอกให้เลิกอาชีพนั้น และไปเข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจในทะเลทราย แต่ขอให้ปฏิบัติหน้าที่นั้นต่อไป แต่ให้ทำด้วยความซื่อสัตย์มั่นคง เคารพความยุติธรรม การที่คนเหล่านั้นจะทำตามคำแนะนำของยอห์นได้ พวกเขาก็ต้องก้าวไปข้างหน้า ไปตามหนทางที่จะนำไปสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าให้มากขึ้น
ถ้าเราจะถามยอห์นบ้างว่าเราต้องทำอะไร ขึ้นอยู่ว่าเราเป็นอะไร ขึ้นอยู่กับว่าคุณถูกจัดอยู่ในพวกไหน ถ้าคุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มทหารโรมัน หมายความว่าคุณไม่ได้ปฏิบัติต่อคนอื่นๆ ในหนทางแบบคริสตชน คุณก็ต้องก้าวไปสู่ขั้นสำคัญคือ ปฏิบัติคนอื่นๆ ในแบบคริสตชน
ถ้าคนถูกจัดอยู่ในหมู่พวกคนเก็บภาษี คุณเป็นคริสตชนแต่เพียงในนามเท่านั้นหรือเปล่า ดังนั้นคุณก็ต้องก้าวไปสู่การเป็นคริสตชนที่ปฏิบัติจริงด้วย
ถ้าคุณถูกจัดอยู่ในหมู่คนที่ดีอยู่แล้ว เป็นคริสตชนที่ดีแล้ว ลองไปดูว่าสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่ เพื่อจะได้ก้าวไปใกล้พระเยซูเจ้าได้มากยิ่งขึ้น
ถ้าเราพยายามก้าวหน้าไปอีกขั้นในชีวิตของเรา ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เราได้ติดตามพระคริสต์ได้ใกล้ชิดขึ้น เราจะพบกับความยินดีอย่างหาที่สุดไม่ได้ ดังเช่นพระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ทั้งสามบทอ่าน รวมบทสดุดีด้วยจะพูดถึงคำว่า “เปล่งเสียงยินดี” “โห่ร้อง” “เปรมปรีดิ์” “ชื่นชมยินดี” ฯลฯ รวมถ้อยคำที่มีความหมายถึงความยินดีไม่ต่ำกว่า 20 คำ ก็ขอให้นำคำเหล่านี้มาร้อยเรียงในหัวใจของเรา จากการที่เราก้าวข้ามจากชีวิตแบบเดิมไปสู่การเดินทางฝ่ายจิตที่นำไปสู่พระอาณาจักรพระเจ้า
(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2012)