ที่กล่าวว่า พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ในเวลาเดียวกัน หมายความว่าอะไร
ในพระเยซูเจ้า พระเจ้าทรงเป็นหนึ่งในพวกเราอย่างแท้จริง จึงทรงเป็นพี่น้องของเรา อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ความเป็นพระเจ้าของพระองค์มิได้สิ้นสุดลง พระองค์ยังคงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา สังคายนาที่คัลซิโดเนีย ในปี ค.ศ. 451 สอนว่า ความเป็นพระเจ้าและความเป็นมนุษย์ในพระเยซูคริสตเจ้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน “โดยไม่แบ่งแยก หรือปะปน” (4634-467, 469)
พระศาสนจักรต่อสู้มาเป็นเวลานานกับปัญหาการอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นพระเจ้าและความเป็นมนุษย์ในพระเยซูคริสตเจ้า ความเป็นพระเจ้าและความเป็นมนุษย์ไม่ใช่การแข่งขันกัน ซึ่งทำให้พระเยซูเจ้าเป็นพระเจ้าเพียงบางส่วนและเป็นมนุษย์บางส่วน ทำให้ความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าและมนุษย์ในพระเยซูเจ้าเกิดความสับสน ลัทธิ Docetism เชื่อว่า พระเจ้าทรงรับเอาร่างกายของมนุษย์ในพระเยซูเจ้า สิ่งนี้มิใช่เพียงลักษณะที่ปรากฏ แต่พระองค์ทรงเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง แต่ลัทธิ Nestorianism เชื่อว่า มีสองบุคคลต่างกันในพระคริสตเจ้า ส่วนลัทธิ Monophysitism เชื่อว่าธรรมชาติมนุษย์มิได้มีอยู่อีกต่อไปในพระธรรมชาติของพระเจ้าในองค์พระเยซูคริสตเจ้า ความขัดกันเหล่านนี้เป็นความเชื่อที่ผิด หรือที่เรียกว่า เฮเรติก พระศาสนจักรยึดมั่นในความเชื่อที่ว่าพระเยซูคริสเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ ในเวลาเดียวกัน ประโยคที่มีชื่อเสียงว่า “โดยไม่แบ่งแยกหรือสับสน” สังคายนาแห่งคัลซิโดเนีย) มิได้พยายามอธิบายบางอย่างที่สูงเกินไปสำหรับความเข้าใจของมนุษย์ แต่วางของเขตของความเชื่อ เป็นการแสดง “แนวทาง” ที่จำเป็นต้องแสวงหาธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้า
“ศาสนาที่ปราศจากข้อเร้นลับหรือธรรมล้ำลึก ศาสนานั้นย่อมเป็นเพียงศาสนาที่ปราศจากพระเจ้า” Jeremy TAYLOR (1613-1667 นักเขียนชีวิตฝ่ายจิต ชาวอังกฤษ)
ธรรมล้ำลึก (Mystery) (ภาษากรีก mysterion ความเร้นลับ) ธรรมล้ำลึกเป็นข้อความจริง (หรือแง่มุมหนึ่งของความจริง) ซึ่งความรู้ที่อาศัยหลักเหตุผลไม่สามารถเข้าถึงได้