พระคัมภีร์เป็นเรื่องจริงหรือ
หนังสือต่างๆ ในพระคัมภีร์สอนความจริงอย่างหนักแน่น ซื่อสัตย์ และถูกต้องไม่ผิดหลง...เพราะเขียนขึ้นภายใต้การดลใจของพระจิตเจ้า และมีพระเจ้าทรงเป็นผู้นิพนธ์ (การเผยความจริงของพระเจ้า ข้อ 11 (103-107)
พระคัมภีร์ มิได้ตกลงมาจากสวรรค์แบบสำเร็จรูป และพระเจ้าก็มิได้ตรัสให้มนุษย์เขียนตามคำบอกของพระองค์เหมือนหุ่นยนต์
อย่างไรก็ตาม “พระเจ้าทรงเลือกมนุษย์บางคนและทรงใช้เขาให้เขียนโดยใช้กำลังความสามารถของตนอย่างเต็มที่ แม้พระองค์ทรงทำงานในตวเขาและทรงใช้เขาให้เขียนทุกอย่าง ตามพระประสงค์ของพระองค์เท่านั้น เขาก็ยังเขียนอย่างผู้นิพนธ์ที่แท้จริงด้วย (การเผยความจริงของพระเจ้า ข้อ 11) เกณฑ์การยอมรับว่าหนังสือเล่มใดเป็นพระคัมภีร์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการยอมรับของพระศาสนจักรทั้งมวลเท่านั้น และจะต้องมีการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ในชุมนุมคริสตชน “พระเจ้าทรงตรัสกับเราโดยทางข้อความนี้ ซึ่งได้รับการดลใจจากพระจิตเจ้า” ในบรรดางานเขียนจำนวนมากของคริสตชนยุคแรกของพระศาสนจักร เล่มที่ได้รับการดลใจจากพระจิตเจ้าอย่างแท้จริงนั้นมีการกำหนดตั้งแต่ศตวรรษที่สี่ว่า อยู่ใน ->สารบบของพระคัมภีร์
การดลใจ (Inspiration) (ภาษาลาติน inspiration ดลใจ) อิทธิพลของพระเจ้าเหนือมนุษย์ผู้เขียนพระคัมภีร์ ดังนั้น จึงถือว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้นิพนธ์พระคัมภีร์
สารบบพระคัมภีร์ (Canon) (ภาษากรีก kanon ไม้วัด กติกา แบบแผน) การรวบรวมพระคัมภีร์ที่เชื่อถือได้ ทั้งพันธสัญญาเดิม และพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่
พระคัมภีร์ (Bible) (ภาษาลาติน bibllia ม้วนกระดาษ หนังสือ) ชาวยิวและคริสตชนเรียกการรวบรวมพระคัมภีร์ ซึ่งใช้ระยะเวลามากกว่าหนึ่งพันปี พระคัมภีร์เป็นแบบแผนความเชื่อของพวกเขา พระคัมภีร์ของคริสตชนมีจำนวนมากกว่าพระคัมภีร์ของชาวยิว เพราะประกอบด้วยพระวรสาร 4 ฉบับ จดหมายจากนักบุญเปาโลและงานเขียนของผู้นิพนธ์อื่น ๆ ในพระศาสนจักรแรกเริ่ม