เราสามารถบอกได้อย่างไรว่า อะไรคือ ความเชื่อแท้
เราพบความเชื่อแท้ได้ในพระคัมภีร์ และในธรรมประเพณีที่มีชีวิตชีวาของพระศาสนจักร (76, 80-82, 85-87, 97,100)
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ พัฒนามาจากความเชื่อของพระศาสนจักร พระคัมภีร์ และธรรมประเพณีมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน การถ่ายทอดความเชื่อไม่ได้กระทำโดยผ่านเอกสารเป็นหลักในพระศาสนจักรยุคแรก มีการกล่าวกันว่า พระคัมภีร์นั้น “ก่อนที่จะมีการเขียนบนกระดาษหนัง ได้มีการเขียนในหัวใจของพระศาสนจักรก่อนแล้ว”
บรรดาศิษย์และ บรรดาอัครสาวกได้รับประสบการณ์ชีวิตใหม่โดยการมีชีวิตเป็นมิตรกับพระเยซูเจ้า พระศาสนจักรสมัยแรกเชิญชวนประชาชนให้เข้ามาในมิตรภาพนี้ ซึ่งยังคงสืบเนื่องต่อมาในลักษณะที่แตกต่างไปหลังการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า คริสตชนยุคแรกยึดถือย่างมั่นคงใน “คำเทศน์สอนและมิตรภาพของบรรดาอัครสาวก การบิปัง และการอธิษฐานภาวนา” (กจ 2 : 42) พวกเขาสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ก็เปิดกว้างต่อผู้อื่นด้วย และนี่คือความเชื่อของเราในปัจจุบัน คือ คริสตชนเชื้อเชิญผู้อื่นให้มารู้จักมีมิตรภาพกับพระเจ้าในพระศาสนจักรคาทอลิก ความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกันนี้ ดำรงอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่สมัยบรรดาอัครสาวก
การแพร่ธรรม (Mission) (ภาษาลาติน Missio การส่งไป) การแพร่ธรรมเป็นสาระสำคัญของพระศาสนจักร และเป็นคำสั่งของพระเยซูเจ้า ให้คริสตชนทุกคนประกาศพระวรสาร ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ เพื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะได้มีอิสระในการตัดสินใจเลือกพระคริสตเจ้า
อัครสาวก (Apostle) (ภาษากรีก apotolos ผู้ส่งสาร ผู้แทน) ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ แรกเริ่มใช้เรียกบุรุษ 12 คนซึ่งพระเยซูเจ้าทรงเรียกให้มาเป็นผู้ร่วมงานที่ใกล้ชิดและเป็นประจักษ์พยานถึงพระองค์ นักบุญเปาโลได้รับสิทธิพิเศษ ท่านถือว่าตนเองเป็นอัครสาวกด้วย เพราะพระคริสตเจ้าทรงเรียก
“ข้าพเจ้าได้รับสิ่งใดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้มอบสิ่งนั้นให้ต่อให้ท่าน” (1 คร 11 : 23)
“ธรรมประเพณีศักดิ์สิทธิ์และพระคัมภีร์ จึงมีความเกี่ยวข้องและมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด เพราะทั้งสองสิ่งยนีรับมาจากพระเจ้า ซึ่งเป็นบ่อเกิดอันเดียวกันรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และมุ่งไปยังจุดหมายเดียวกัน” (การเผยความจริงของพระเจ้า ข้อ 9)