157. หลังความตาย เราจะถูกนำไปสู่พิพากษาหรือ
ที่เราเรียกว่า การพิพากษาเฉพาะ หรือการพิพากษาส่วนบุคคล เกิดขึ้นตั้งแต่บุคคลนั้นสิ้นใจ ส่วนการพิพากษาทั่วไป หรือการพิพากษาครั้งสุดท้าย จะเกิดขึ้นในวันสุดท้าย วันสิ้นโลก เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาอีกครั้งหนึ่ง (1020-1022)
ในเวลาใกล้สิ้นใจ มนุษย์ทุกคนมาถึงช่วงเวลาแห่งความจริง ถึงเวลานั้น ไม่มีสิ่งใดที่จะหยุดหรือปกปิดไว้ได้ และเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีก พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นเราอย่างที่เราเป็น เรามาอยู่ต่อหน้าพระบัลลังก์พิพากษาของพระองค์ ซึ่งจะทรงตัดสินเราอย่างยุติธรรม หากเราดำเนินชีวิตในการประทับอยู่อันศักดิ์สิทธิ์ของ พระเจ้าในทุกเรื่อง เราจะได้รับ “ความชอบธรรม” กับพระองค์ ซึ่งเป็นความชอบธรรมที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราเป็นเมื่อพระองค์ทรงสร้างเรามา บางที เราอาจจะต้องผ่านกระบวนการการชำระให้บริสุทธิ์เสียก่อน หรือบางทีเราอาจจะได้อยู่ในอ้อมพระกรของพระเจ้าทันที แต่บางทีเราอาจจะเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ความเกลียดชัง และปฏิเสธทุกสิ่งที่ทำให้เราหันกลับไปหาความรักนิรันดร ออกห่างจากพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ชีวิตที่ไร้ซึ่งความรักจะเป็นสิ่งใดไปไม่ได้ นอกจากนรก 163
ในเวลานี้ เราเห็นพระเจ้าเพียงราง ๆ เหมือนเห็นในกระจกเงา แต่เมื่อถึงเวลานั้น เราจะเห็นพระองค์เหมือนพระองค์ทรงอยู่ต่อหน้าเรา เวลานี้ ข้าพเจ้ารู้อย่างไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อถึงเวลานั้น ข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนที่พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า
1 คร 13:12
ไฟจะทดสอบผลงานของแต่ละคน และจะเปิดเผยให้เห็นว่าผลงานนั้นเป็นอย่างไร ผลงานที่ผู้ใดสร้างไว้ผ่านการทดสอบนี้ เขาก็จะได้รับเงินค่าจ้าง แต่ถ้าผลงานของผู้ใดถูกไฟผลาญ เขาก็ไม่มีผลงานใดเหลือ เขารอดพ้นได้ก็จริง แต่ก็เหมือนกับคนที่หนีไฟรอดมาได้เท่านั้น
1 คร 3:13-15
ดังนั้น เขา (ยูดาส มัคคาบี) สั่งให้ถวายเครื่องบูชาชดเชยบาปของผู้ตาย เพื่อจะได้พ้นจากบาป
2 มคบ 12:45