65. ผู้ที่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนรักร่วมเพศจะเป็นอย่างไร
พระศาสนจักรเชื่อว่า ในแบบแผนของการสร้างนั้น ชายและหญิงถูกสร้างขึ้นมาให้จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อความสมบูรณ์ และเพื่อให้กำเนิดบุตร ด้วยเหตุนี้ พระศาสนจักรจึงมิอาจยอมรับการประพฤติปฏิบัติของคนรักร่วมเพศ อย่างไรก็ตาม คริสตชนต้องเคารพและรักทุกคน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีรสนิยมทางเพศเป็นเช่นไร เพราะพระเจ้าทรงรัก และให้เกียรติมนุษย์ทุกคน (2358-2359)
ไม่มีมนุษย์คนใดในโลกที่มิได้เกิดจากความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวของบิดาและมารดา ดังนั้น จึงเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดสำหรับคนรักร่วมเพศจำนวนมาก ที่ไม่มีความรู้สึกรักใคร่ชอบพอเพศตรงข้าม และมิอาจบังเกิดผลทางกายภาพของความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวระหว่างชายและหญิงตามธรรมชาติมนุษย์ และตามแบบแผนการสร้างของพระเจ้า อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งที่พระเจ้าทรงนำบรรดาวิญญาณมาสู่พระองค์โดยหนทางที่ไม่ธรรมดา ทั้งความขาดแคลน การสูญเสีย หรือบาดแผล หากเรายอมรับและยืนหยัดมั่นคง สิ่งเหล่านี้ก็จะกลายเป็นกระดานสปริง โยนตัวเราขึ้นไปสู่พระหัตถ์ของพระเจ้าได้ พระเจ้าทรงนำความดีออกจากทุกสิ่ง ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ปรากฏอยู่ในการไถ่กู้โลกมากกว่าในการสร้างโลกเสียอีก 415
เราสูญเสียสวนสวรรค์ แต่เราได้รับสวรรค์ ดังนั้น เราจึงได้รับมากกว่าการสูญเสีย
นักบุญยอห์น ครีโซสโตม
(349/350-407 นักปราชญ์ของพระศาสนจักร)
ข้าแต่พระเจ้า การหันเหออกจากพระองค์ คือการหกล้ม การหันมาหาพระองค์คือ การลุกขึ้น
การดำรงอยู่ในพระองค์คือ การอยู่ในความมั่นคง
นักบุญออกัสติน
(354-430)
ความอ่อนแอของมนุษย์มิอาจล้มคว่ำแผนการของพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพได้ พระเจ้า สถาปนิกผู้ศักิ์สิทธิ์ทรงสามารถทำงานได้ แม้กับอิฐหินที่สั่นคลอน
พระคาร์ดินัล ไมเคิล วัน ฟูลเลเบอร์
(1869-1952 พระอัครสังฆราชแห่งมิวนิคและเฟรซิง)
“ที่ใดบาปทวีขึ้น ที่นั่นพระหรรษทานก็ยิ่งทวีมากกว่า”
รม 5:20 ข